นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #สถานีต่อไปของพิธาและก้าวไกล
#ยุบพรรค
#ผิดจริยธรรมร้ายแรง
#จดหมายพิธาพยานชิ้นเอก
ความเสี่ยงที่ตามมาหลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 31 ม.ค.2567 มีมติเอกฉันท์ว่าการกระทำของนายพิธาและพรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครอง
กกต. ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุคพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค10ปีตามพรบประกอบรัฐธรรมนูญพรรคการเมืองมาตรา92 และศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำวินิจฉัยไว้ชัดเจนเรื่องความผิดล้มล้างการปกครอง ย่อมต้องมีมติให้ยุบพรรคไปตามคำวินิจฉัยที่มีไว้
ขณะที่ ป.ป.ช.ต้องไต่สวนและมีมติชี้มูลความผิดต่อพิธา และ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 ไปศาลฎีกานักการเมืองเพื่อพิพากษาข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรงและตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต
จากเดิม ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อยังมีโอกาสลุ้นสู้คดี50/50 แต่จากกรณีจดหมายนายพิธา ถึงตะวันและแบม เมื่อ 28 ม.ค.66 อาจกลายเป็นเอกสารพยานหลักฐานสำคัญมัดตัวหลายเรื่องที่จะทำให้พิธาและพวกถูกดำเนินคดีหนักขึ้นและถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตได้
เพราะเนื้อหาในจดหมายจากนายพิธาในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลใน
ขณะนั้นทำให้เห็นการกระทำการทั้งในและนอกสภาในการให้การสนับสนุนการยกเลิกมาตรา112 และอาจบ่งบอกถึงการสนับสนุนทางความคิด การผลักดันในการเคลื่อนไหวร่วมกันของพรรคและขบวนการ
ทำให้เห็นความสุ่มเสี่ยงในอนาคตทางการเมืองของนายพิธา และพวก ที่ค่อนข้างมืดมน ในการถูกดำเนินคดีเพิ่มหลังถูกยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต
17 กพ 2567