นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเมินสถานการณ์รุนแรงเริ่มถูกปลุกให้เผชิญหน้าห้ำหั่นกัน หวั่นเข้าทางหยวนซื่อไข่ เมืองไทย ทรยศทั้งซ้าย-ขวา ผูกปมเลวร้ายลากเข้าเงื่อนไขล้มกระดานสิ้นประชาธิปไตย
โดยคาดว่า สถานการณ์ขณะนี้ไปไกลมากใน 2 กรณีคือ การพักโทษของทักษิณ ชินวัตร แม้ทางการเมืองมีข่าวมาเป็นระยะ แต่ต้องรอเวลาให้ครบ 6 เดือนเพื่อได้พักโทษในคราวเดียวกับนักโทษคนอื่นเป็นจำนวนมาก สิ่งสำคัญเมื่อจุดเริ่มต้นตั้งแต่การเข้าประเทศเมื่อ 22 ส.ค. 2566 ซึ่งไม่ตรงไปตรงมา ทั้งที่มีหมายจับ หลบหนีคดี โดยตำรวจต้องควบคุมตัวนำไปส่งศาลทันที แต่กระบวนการนี้ไม่มี สะท้อนถึงพฤติกรรมของนักทาอภิสิทธิ์ชน
อีกอย่างหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาย้อนหลัง ราชทัณฑ์ต้องควบคุมตัวเพื่อนำส่งไปเรือนจำ แต่ไม่มีรถราชทัณฑ์มาควบคุมตัว เมื่อเข้าไปเรือนจำชั่วพริบตาเดียว จากนั้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ รักษาการ รมว.ยุติธรรม สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เข้าพบ แล้วส่งตัวทักษิณ ไป รพ.ตำรวจ ตอนดึก และอยู่จนจะครบ 180 วัน ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ แสดงว่า เกิดกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน
"ทุกคนรู้ดีว่า กระบวนการนี้เป็นความผิดปกติ จะตรวจสอบ กล้องวงจรปิดของ รพ.ตำรวจก็เสียและไม่พยายามซ่อมเพื่อนำมาตรวจตราใดๆ ทั้งสิ้น สร้างความสงสัย มากกว่านั้นหัวหน้าพยาบาลบอกไม่เคยเห็นตัว แล้วยังว่าญาตินานๆ มาเยี่ยมครั้ง มันผิดวิสัยผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง กระทั่งคนสงสัยว่า ป่วยจริงหรือเปล่าและอยู่ รพ.ตำรวจจริงหรือไม่"
นายจตุพร กล่าวว่า จากนั้นเกิดข่าวการอายัดตัวคดี ม.112 เมื่อได้พักโทษและออกจาก รพ.ตำรวจ จริงหรือไม่ ทั้งที่หนังสืออัยการลงวันที่ 18 ม.ค.นี้ แจ้งผู้สอบถามและบอกยังไม่สามารถดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาได้ แต่โฆษกอัยการแถลงว่าได้แจ้งข้อกล่าวหาตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. แล้ว ซึ่งเป็นการรายงานข้อเท็จแบบผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม การแจ้งข้อกล่าวหานั้น ต้องมีการพิมพ์ลายนิ้วมือให้ปรากฏ ดังนั้น จึงสงสัยว่า การอายัดตัวยังมีอยู่หรือไม่ ถึงที่สุดแล้ว คนจะไม่เห็นภาพทักษิณ ตั้งแต่ออก รพ.ตำวจ หรือการอายัดตัว และไปกรมคุมประพฤติ แต่จะมารู้อีกทีเมื่ออยู่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว
"ผมพยายามอธิบายว่า ถ้าเรื่องนี้ใช้ความอดทนสักนิด โดยเข้าคุกไป รพ. แล้วกลับคุก ให้คนเห็น การยอมรับนับถือจะบังเกิดขึ้น ที่ผ่านก็ได้รับการลดโทษจาก 8 ปีเหลือหนึ่งปี ทั้งที่นักโทษน้อมรับการขอพระราชทานอภัยโทษว่า เคารพในกระบวนการยุติธรรมแล้วได้กระทำความผิดจริงและได้สำนึกแล้ว จึงได้ลดโทษเหลือหนึ่งปี แต่เหลือไม่ถึงหนึ่งวัน ดังนั้นคำว่าอภิสิทธิ์ชนจึงกระหึ่ม คำว่าสองมาตรฐานก็บาดลึกในหัวใจคน”
นายจตุพร เชื่อว่า ถ้าทักษิณปฏิบัติด้วยความอดทนแล้ว ผู้คนจะจำภาพสุดท้ายที่ถูกยึดอำนาจเมื่อ 19 ก.ย. 2549 แต่ภาพตั้งแต่ 22 ส.ค. 2566 จนถึงบัดนี้เป็นอีกความทรงจำ เพราะเมื่อยอมรับว่าได้กระทำความผิดจริงเท่ากับทุจริตจริง แต่ได้สำนึกแล้ว จึงได้รับการอภัยลดโทษลงมาเหลือหนึ่งปี
ดังนั้น เรื่องราวเหล่านี้จึงเป็นความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าขีดเส้นใต้วันที่ 19 ก.ย. 2549 ที่ถูกยึดอำนาจ ย่อมอธิบายนายกฯ มาจากการเลือกตั้งได้ ส่วนการอธิบายในวันที่ยอมรับว่ากระทำความผิดและทุจริตจริงจึงเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งจะนำการรัฐประหารมาหักล้างไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของทักษิณ ดูเหมือนมีความสบายใจ หากพิจารณากระบวนการตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. นี้ คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่มีการประชุมกัน ถ้ายังยืนกรานต้องทำโครงการนี้ต่อด้วยการออก พรบ.หรือ พรก.กู้เงิน จึงน่าสนใจ เพราะแสดงว่า ยังเป็นไปตามดีลอยู่จึงต้องทำให้เกิดความขึงขังเพื่อให้ดูราบรื่น
จากนั้นต้องดูปรากฏการณ์ในวันที่ 18 มี.ค. เพราะศาลฎีกาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำวินิฉัยคดีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกอบกับ ครม.พิจารณาการกู้เงินตามโครงการดิจิทัล ซึ่งยากที่จะเห็นชอบด้วย ถ้าไม่ผ่าน ครม. ดังนั้นนายกฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบ หากไม่รับผิดชอบก็ไม่เป็นไปตามดีล
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ามีการเบี้ยวดีลเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้สังคมได้รู้ความจริงอีกหลายประการ กล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจก็อาจจะกู้ภาพขึ้นมาประจานได้ หรือคดีค้างคาอยู่ ปปช.และการชี้นำทางให้ กกต.ดำเนินการในกรณีบอกไม่กู้เงินมาแจก แต่มากู้เงินแล้ว จะดำเนินการอย่างไร
นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองถัดจากนี้ไปดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ได้ซ่อนอะไรมากมาย อีกอย่างการตระบัดสัตย์มาตั้งรัฐบาลกับฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ที่มี สว.นำร่องโหวตเลือกนายเศรษฐา เป็นนายกฯ ทั้งที่ประกาศไม่เผาผีกันแล้ว แต่มาร่วมกันตั้งรัฐบาล
"ทั้งหมดนี้เป็นความผิดปกติ แต่เชื่อว่า ถ้าเดินไปตามดีลแล้ว นายเศรษฐา ต้องพ้นจากนายกฯ ก่อนสงกรานต์นี้ หรืออาจจะไปใน มี.ค.นี้ก็ได้ ซึ่งเราจะเห็นร่องรอย หากไม่เป็นไปตามดีลเราก็จะเห็นอีกปรากฏการณ์หนึ่ง เพราะทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้่องกับผลประโยชน์ของประเทศชาติเลย แต่มันคือข้อตกลง คือการแลกเปลี่ยน ถ้ามีการเบี้ยวหลายเรื่องจะประเดประดังเข้ามา แล้วการล้างผลาญทางการเมืองจะเกิดขึ้นอีกระลอกใหญ่"
ส่วนปรากฏการณ์กรณีของตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมทางการเมือง นั้นนายจตุพร กล่าวว่า เรื่องราวความน่ากลัวของหยวนซื่อไข่ นักต้มทางการเมืองและทรยศทุกฝ่ายทั้งฝ่ายทั้งราชวงศ์ และคณะ ดร.ซุ่นยัดเซ็ง เพื่อสถาปนาความยิ่งใหญ่ให้ตัวเองได้เป้นจักรพรรดิ จึงทำให้เห็นบทเรียนความอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งการเมืองไทยในสถานการณ์ขณะนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
"กรณีของตะวัน ผมได้ทักแต่แรกว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ และ ผบ.ตร.ขยับในเรื่องนี้ช้ามาก ความจริงเหตุการณ์รุนแรงที่สยามพากอนต้องไม่เกิดขึ้น เพราะต้องยับยั้งได้ทันก่อนทั้งสองฝ่ายจะเกิดการปะทะกัน"
นายจตุพร กล่าวว่า ชนวนนี้แม้เริ่มต้นจากการบีบแตรรถบนทางด่วน แล้วนำไปสู่การปะทะกันรุนแรงนั้น ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองการปลุกปั่นล้มสถาบันได้นำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงและความตายกันหลายครั้ง เช่น 6 ตุลา 19 กับการชุมนุมในเหตุการณ์พฤษภา 2535 ซึ่งเกิดจากการปลุกกรณีโค่นล้มสถาบัน จนนำไปสู่ความเหี้ยมโหดฆ่านักศึกษา ประชาชนล้มตายจำนวนมาก แล้วการยึดอำนาจก็เกิดขึ้นตามมาไล่หลังทันที
อีกทั้งเหตุการณ์คือ การชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ยังถูกกล่าวหาโค่นล้มสถาบันและยัดเหยียดเป็นพวกผู้ก่อการร้ายเผาบ้านเมืองมาปลุกปั่นอีก แม้คดีก่อการร้ายยกฟ้อง เผาบ้านเมืองไม่มีคดีอาญา ส่วนคดี ม.112 ก็ยกฟ้องเด็ดขาด แต่ความตายของผู้ชุมนุมได้ไปไกลแล้ว จนเอาชีวิตคืนมาไม่ได้
"ผมพยายามให้สติ แม้ไม่มีใครฟังใครแล้ว แต่เรื่องราวขณะนี้ การนิรโทษกรรมในคดี 112 ซึ่งยากมากอยู่แล้ว เพราะพรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ของตะวัน ดังนั้น การนิรโทษกรรมคดี 112 จึงแทบปิดประตูเลย”
นายจตุพร เตือนว่า บรรดานักเคลื่อนไหวต้องคิดถึงคนอยู่ในเรือนจำเสมอ เพราะการนับโทษต่อในคดี 112 ซึ่งจะติดคุกยาวนานกว่าอายุที่เหลืออยู่เสียอีก ตนไม่บอกให้กลัว แต่ต้องการให้สติกับการบีบแตรใส่ขบวนเสด็จของพระเทพฯ คนรับไม่ได้จริงๆ
"จากนี้สิ่งที่น่าคิดคือ อารมณ์ของประชาชนจากกรณีตะวันจะมีพื้นที่เหลืออย่างไร คำว่าขวาพิฆาตซ้ายในอดีต ซึ่งเป็นเกมนำซ้ายมาเป็นชนวนล่อขวาไปพิฆาต แต่คนที่ใช้ทั้งซ้ายและขวาได้วางเกมเข้ามายึดอำนาจกัน"
พร้อมทั้งกล่าวว่า ในทางการเมืองในวันนี้ต้องมองอย่างลึกซึ้ง ถ้าการพักโทษของทักษิณ มีบางฝ่ายส่งเสียงตะโกนประจาน แล้วลามไปถึงกรณีตะวันที่อีกฝ่ายออกมาต่อต้าน ดังนั้น ถ้ามือที่ 4 เบียดเข้าร่วมขบวนด้วยแล้วจะขยายเกมไปไกลจนบรรจบกับเหตุการณ์ไม่ปกติถึงขั้นใช้อำนาจอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งจะนำพาไปสู่ความขัดแย้งใหม่อีกรอบ
นายจตุพร กล่าวว่า โอกาสที่เฝ้ารอถึงการเลือกตั้งได้ประชาธิปไตยจะค่อยหมดลงไปหลังจากวันที่ 18 ก.พ.ที่ทักษิณ ได้พักโทษตามแบบอย่างพวกอภิสิทธิ์ชน แล้วข้อตกลงจากการดีลจะถูกเบี้ยวหรือไม่ เมื่อผสมกับปัจจัยกับกรณีตะวัน จะลุกลามสถานการณ์นับจากนี้ไปขนาดไหน และจะนำพาไปสู่หลายทิศทาง ทั้งล้มกระดานก็ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วย
"เมื่อทั้งหมดถูกผูกปมซ่อนเงื่อนไว้ ประกอบกับการไม่มีความตรงไปตรงมา ไม่ชอบธรรม จึงนำพาไปสู่หลากหลายเรื่องราว อย่าคิดว่าเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 จะไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งอย่าได้ประมาท และต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ขมวดปมไว้ใน มี.ค.นี้"
ประเทศไทยต้องมาก่อน