นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตลาดริมเมย ว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือว่าได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เรื่องจะใช้พื้นที่อำเภอแม่สอด เป็นพื้นที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมประชาชนที่ได้รับผลกระทบความไม่สงบในประเทศเมียนมา ซึ่งจากนี้ไปจะมีพัฒนาการโดยลำดับ เพราะดูแล้วเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม และเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่ทุกฝ่ายน่าจะยอมรับได้ ขณะเดียวกันมารับฟังปัญหาของจังหวัดเรื่องการค้าขายและเศรษฐกิจ รับข้อมูลเพิ่มเติมจากประธานสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า และหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งให้ข้อมูลครอบคลุมว่ามีผลกระทบด้านการค้าขาย จาก1.3 แสนล้านบาท เหลือเพียง 1 แสนล้านบาท รัฐบาลจะต้องเดินหน้าแก้ไขให้เกิดเสรีภาพในเมียนมาโดยเร็ว หากประเทศเมียนมาเกิดความสงบ จะทำให้การค้าขายบริเวณชายแดนดีขึ้นฃ
ส่วนเหตุใดที่ไม่คว่ำบาตรการค้ากับเมียนมาเพื่อเป็นมาตรการตอบโต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเป็นประชาชนที่ทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ ประชาชนที่ค้าขายไม่ใช่นักรบ และประเทศไทยเองมีผู้ที่ค้าขายอยู่ตามแนวชายแดน เมื่อคนไทยได้รับผลกระทบก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องช่วยให้ยืนอยู่ต่อไปให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ล้มละลาย
นายปานปรีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยมีชายแดนติดกับเมียนมา ไม่เหมือนกับบางประเทศที่ไม่มีชายแดนติดกัน ถ้าคว่ำบาตรก็จะไม่ส่งผลกระทบอะไร ขณะที่ในระดับใหญ่ไทยและเมียนมามีเรื่องของพลังงานซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากใช้มาตรการคว่ำบาตรซึ่งรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และเชื่อว่าคนไทยไม่ประสงค์ให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น
ส่วนปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาอาชญากรรมตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข และเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งการมารับฟังปัญหาครั้งนี้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวเป็นภัยคุกคามประเภทใหม่ ไม่สามารถละเลยได้ จนทำให้ปัญหาคาสิโนกลายเป็นเรื่องเล็ก แต่มีปัญหาการพนันออนไลน์และการค้ามนุษย์เกิดขึ้น รวมถึงอาชญากรรมที่เกิดขึ้น เช่นการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องหยุดให้ได้
อย่างไรก็ตาม ไทยเพียงประเทศเดียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศหลายประเทศ ไม่ใช่เฉพาะประเทศที่มีชายแดนติดกัน แต่ประเทศในภูมิภาคอื่นก็ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน ตอนที่ตนเดินทางไปประชุมอาเซียน ที่ประชุมก็หยิบยกขึ้นมาพูดคุย เนื่องจากส่งผลกระทบจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต่อไปจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยและหารือกับประเทศที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนปัญหาความไม่สงบในประเทศเมียนมาส่งผลกระทบต่อการพูดคุยอย่างไรหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เฉพาะในเมนบอร์ดก็พบความยากลำบากขึ้นในระดับหนึ่ง เนื่องจากพบการแบ่งเป็นกลุ่ม หลายจุด เช่นอยู่ตรงข้ามอำเภอแม่สอด แต่ยืนยันว่าใครก็ตามที่ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้อยู่ก็คงต้องหยุดในเรื่องนี้ และบริเวณติดกับชายแดนไทย หากไม่มีนักลงทุนขนาดใหญ่มาลงทุน ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงเป็นปัญหาระหว่างประเทศที่ต้องหารือกัน และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเร่งแก้ไขปัญหานี้ด้วยกัน หากไม่แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ชาวโลกจะได้รับผลกระทบไปหมด
เมื่อถามย้ำว่าจะตรวจสอบหรือไม่เนื่องจากมีพฤติกรรมคล้ายที่เมืองเล้าก์ก่าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานมีคนไทยลดน้อยลง เนื่องจากเริ่มรู้ตัวแล้วว่ามีอันตราย และทราบแล้วว่าเมื่อเดินทางไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ ปัญหาคือเป็นคนจากประเทศอื่น ซึ่งเดินทางมาไกล ไม่น่าเชื่อว่าเดินทางมาได้ แต่ได้สอบถามทางผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ยืนบันว่า ไม่ได้ใช้ไทยเป็นทางผ่าน แต่เดินทางตรงไปยังเมียนมาและสร้างปัญหาให้กับเมียนมาเช่นกัน แต่ยอมรับว่าการที่จะประสานงาน ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องประสานงานกับกลุ่มที่ดูแลในพื้นที่ รวมถึงเรื่องเล้าก์ก่าย จีนก็ดูแลดีพอทราบว่ามีสถานการณ์เกิดขึ้น ก็รีบเข้าไปดำเนินการต่อคนที่ทำผิดกฎหมาย
นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขณะนี้ไทยกำลังดูแลปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันไทยก็ได้มีการดูแลปัญหาเรื่องค้ามนุษย์ ไทยก็แก้ไขไปในระดับที่ดีมาก และอยู่ในจุดที่ไม่มีใครพูดถึงว่าไทยมีปัญหาเรื่องค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในไทย นโยบายของรัฐบาลที่จัดแก้ไขปัญหา เรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง