นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์เรื่องกางเกงช้าง ซึ่งถือเป็น Soft Power ของไทย แต่บริษัทในจีนได้ผลิตและส่งมาขายยังประเทศไทยในราคาที่ถูกกว่าจำนวนมาก จนทำให้คนไทยเสียดุลการค้า และเป็นเรื่องลิขสิทธิ์ด้วย ว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องการค้า ที่ไหนมีโอกาส เขาก็ฉกฉวยกันไป โดยตนเชื่อว่า เราจะต้องดูเรื่องของลิขสิทธิ์ รวมถึงความรวดเร็วในการฉกฉวยโอกาสทางการค้า ถ้าเราช้าก็จะมีคนนำไปทำก่อน ซึ่งตรงนี้ถือเป็นบทเรียนอย่างหนึ่งที่เราจะต้องนำมาพูดคุยกัน
เมื่อถามย้ำว่า จะต้องมีการวางแผนในการผลิตกางเกงช้างเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องแก้ในเรื่องรากฐานก่อนดีกว่า ว่าจริงๆ แล้วเราเข้าใจวิธีการทำการตลาดหรือไม่ และมีการปกป้องเรื่องลิขสิทธิ์หรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการค้าหรือธุรกิจ เพราะตรงไหนมีโอกาสก็จะมีผู้ฉกฉวยโอกาสนั้น หากช้าก็จะเสียโอกาสไป เหมือนอย่างในหลายๆ เรื่องที่เรายังช้า และทำไม่ทันใจ ก็ต้องเร่ง อย่างเช่น การทำเรื่องวีซ่าฟรี และยกระดับพาสปอร์ตของไทย ที่จะต้องเป็นผู้นำในการทำตรงนี้ ฉะนั้นเราก็จะต้องฉกฉวยโอกาสในการเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ พร้อมมองว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สะท้อนการทำงานในภาพใหญ่ ที่ต้องทำงานให้ไว คิดให้เร็ว และปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติ