วันนี้ (3 ก.พ.) ที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานพิธีฌาปนกิจชิ้นส่วนผู้เสียชีวิต 23 ราย จากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด และมอบเงินช่วยเหลือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้กับ 17 ครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมพูดคุยให้กำลังใจ โดยมี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. นายอุดม โปร่งฟ้า คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. พร้อมคณะผู้บริหาร นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมคณะผู้บริหาร นายประภัตร โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี และเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา และผู้แทนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธี
นายวราวุธ กล่าวว่า ตนต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. สส.พรรคชาติไทยพัฒนา และชาวสุพรรณบุรี ตนขอให้กำลังใจต่อทุกครอบครัวผู้สูญเสีย ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่สะท้อนคือทางภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนได้ช่วยกันรวมพลัง แสดงให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับผลกระทบ
นายวราวุธ ย้ำว่า ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวง พม. กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีหลายคน ที่ได้มาให้กำลังใจครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันจากพี่น้องผู้ได้รับผลกระทบว่า ถึงแม้อุบัติเหตุจะเกิดขึ้น แต่เราทุกคนจะต้องก้าวข้ามความเศร้าโศกนี้ แล้วเราจะก้าวเดินไปด้วยกัน ไปพร้อมกัน สำหรับครอบครัวผู้สูญเสียที่มีเด็กเล็ก และที่กำลังศึกษาอยู่ เราจะดูแลทุกคนให้ได้รับการศึกษาจนถึงระดับที่พอใจ แล้วเราจะทำให้ทุกคนเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญและมีคุณค่าของสังคม
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีครอบครัวผู้สูญเสียที่ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิดประมาณ 2-3 ครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวเจ้าของโรงงานพลุที่ต้องสูญเสียลูกชาย ทางกระทรวง พม. ได้ส่งทีม พม. เข้าไปดูแลติดตามอย่างใกล้ชิด และครอบครัวที่ลูกหลานสูญเสียเสาหลักของครอบครัว ซึ่งต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา และเยียวยาความรู้สึก กระทรวง พม. จะเป็นกำลังใจและคอยดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่เสียหายอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งต้องขอขอบคุณภาคเอกชน เมื่อรวมพลังกันแล้ว ยอดเงินช่วยเหลือเกือบ 7 ล้านบาท ที่ได้มาสนับสนุนความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหานั้น แน่นอนเงิน 7 ล้านบาท ที่ได้มาเทียบไม่ได้กับชีวิตที่ต้องสูญเสียถึง 23 ราย แต่ว่ากำลังใจจะทำให้ทุกคนสามารถก้าวข้ามความโศกเศร้าและมีกำลังใจในการที่จะเดินหน้ากันต่อไป