จากกรณีที่มีคำเตือนว่า นมวัวมีสารไดออกซินทำให้เกิดโรคมะเร็ง ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ไดออกซินเป็นผลผลิตทางเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ โดยอุตสาหกรรมหรือกิจกรรมที่อาจเป็นแหล่งกำเนิดไดออกซิน เช่น เตาเผาขยะอันตราย/ขยะติดเชื้อ เตาเผาขยะชุมชน รวมถึงอุตสาหกรรมที่มีการใช้สารคลอรีนเป็นองค์ประกอบ เป็นต้น ฉะนั้นสารไดออกซินสามารถปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมและเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านห่วงโซ่อาหาร ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ได้
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการควบคุมการปนเปื้อนของสารไดออกซินในสิ่งแวดล้อมโดยออกประกาศให้เตาเผามูลฝอยเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องควบคุมการปล่อยอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ ตลอดจนมีการกำหนดมาตรฐานควบคุมปริมาณการปล่อยทิ้งอากาศเสียอย่างเข้มงวด
สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนมวัวมีสารไดออกซินปนเปื้อนนั้น จากการสืบค้นข้อมูลรายงานวิจัยในประเทศไทยพบว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลรายงานการปนเปื้อนสารไดออกซินในนมวัวและส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ นอกจากนี้ มีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับนมวัวจากกระบวนการผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร และได้มีการขออนุญาตผลิตอย่างถูกต้องแล้วจาก อย. ซึ่งจะได้รับการตรวจสอบคุณภาพทั้งในด้านกายภาพ เคมี และทางด้านจุลชีววิทยาให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กําหนดโดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดยนมวัวยังคงเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นแหล่งโปรตีน แคลเซียม และวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคควรตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์นมวัว เช่น เลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย. สังเกตวันผลิตหรือหมดอายุ ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต รวมถึงบรรจุภัณฑ์ต้องมีสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยรั่วหรือฉีกขาด ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อมาบริโภค หากเป็นผู้ที่แพ้นมวัวสามารถเลือกดื่มนมจากพืชได้ และยังสามารถรับประทานโปรตีนจากแหล่งอื่นๆ เช่น โปรตีนจากไข่ และปลา เป็นต้น
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nci.go.th หรือ โทร. 02-202-6800
.