รอยเตอร์รายงานอ้างแถลงการณ์จากนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการคลังของสหรัฐว่า สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเมียนมาเพิ่มเติมในโอกาสครบ 3 ปีการทำรัฐประหารของเมียนมา ในวันนี้ (1 ก.พ.2567) โดยการขึ้นบัญชีดำบริษัท 2 แห่ง คือบริษัทปิโตรเลียมชื่อ ชเว บไยน์ พยู กรุ๊ป ออฟ คอมพานีส์(Shwe Byain Phyu Group of Companies และบริษัทเรือสินค้า เมียนมาร์ไฟว์สตาร์ ไลน์(Myanmar Five Star Line) พร้อมกลุ่มบุคคลชาวเมียนมาหลายคน รวมถึงนายเต็ง วินซอ(Thein Win Zaw) เจ้าของบริษัทชเว บไยน์ พยู กรุ๊ป ออฟ คอมพานีส์ พร้อมภริยาและลูก 2 คน ซึ่งสหรัฐฯ กล่าวหาว่า มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคณะรัฐประหารเมียนมา
การคว่ำบาตรครั้งนี้มุ่งลงโทษเมียนมากรณีการโจมตีทางอากาศในการปราบปรามพลเรือนที่ร่วมกันต่อต้านการทำรัฐประหารของกองทัพเมียนมา พร้อมทั้งมุ่งจะลดทอนขีดความสามารถของเมียนมาในการผลิตอาวุธมาใช้ปราบปรามผู้ประท้วง นอกจากนี้ สหรัฐฯมุ่งจะตัดเส้นทางรายได้ของกองทัพเมียนมาสำหรับใช้จ่ายเพื่อปราบปรามพลเรือนที่ต่อต้านการทำรัฐประหารของเมียนมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้คณะรัฐประหารเมียนมาปรับเปลี่ยนแนวนโยบายการปกครอง รวมถึงการจัดการเลือกตั้งเพื่อคืนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือนโดยเร็ว
โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า บริษัทชเว บไยน์ พยู กรุ๊ป ออฟ คอมพานีส์ นำเข้าและขายน้ำมันปิโตรเลียมให้กับกองทัพเมียนมาและมีสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทเมียนมา อิโคนอมิก โฮลดิงส์(Myanmar Economic Holdings Ltd)หรือMEHL ของกองทัพเมียนมาซึ่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรมาตั้งแต่ปี 2564
ส่วนบริษัทเรือสินค้า เมียนมาร์ไฟว์สตาร์ ไลน์ ซึ่งมีบริษัท MEHL เป็นผู้ถือหุ้น นำเข้าวัตถุดิบสำหรับผลิตอาวุธในประเทศสำหรับกองทัพเมียนมา เพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา ทั้งสองบริษัทช่วย การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างชาติ พร้อมทั้งนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมและวัตถุดิบอื่นๆ เพื่อประโยชน์ของคณะรัฐประหารเมียนมา