เพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ระบุว่า จำคุก “ลลิตา” 1 ปี 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญา คดี ม.112 ปมโพสต์วิจารณ์การใช้ภาษีประชาชนใน TikTok
29 ม.ค. 2567 เวลา 9.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้มีนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “ลลิตา มีสุข” ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งถูกฟ้องในความผิดฐาน “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) กรณีโพสต์คลิปวิดีโอสั้นในแอปพลิเคชัน TikTok วิจารณ์นโยบายการจัดการโควิด-19 การใช้ภาษีประชาชน และถูกกล่าวหาว่ามีการพาดพิงถึงกษัตริย์
คดีนี้มีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง คือ อภิวัฒน์ ขันทอง ซึ่งขณะนั้นถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบและดําเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี และการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค (คตส.) ตามคําสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ 32/2563 ลงวันที่ 21 ก.ย. 2563
พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา เกิดจากการโพสต์คลิปวิดีโอใน Tiktok เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2564 โดยลลิตาได้พูดสั้น ๆ ถึงการนำภาษีของประชาชนไปแจกประชาชนด้วยกันเอง และทำพีอาร์ตัวเอง ปีละเป็นหมื่น ๆ ล้าน ไม่ควรซาบซึ้งเป็นบุญคุณ โดยไม่ได้มีการเอ่ยถึงบุคคลใดหรือเอ่ยถึงสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด แต่ผู้กล่าวหาระบุว่า ช่วงหนึ่งของคลิป จำเลยได้ทำปากพูดคำว่า “พระมหา…” โดยไม่ออกเสียง ก่อนพูดคำว่า “กรุณาธิคุณ” ทำให้ผู้กล่าวหาตีความว่าเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน เป็นการเสียดสี ใส่ร้ายพระมหากษัตริย์ ทําให้เสื่อมเสียพระเกียรติ
สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2566 ก่อนเริ่มการสืบพยาน ลลิตาได้แถลงขอกลับคำให้การเดิมจากปฏิเสธข้อกล่าวหา เป็นรับสารภาพ โดยมีความหวังว่าเมื่อมีคำพิพากษา จะได้รับโอกาสให้รอการลงโทษไว้ เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน
เมื่อจำเลยรับสารภาพ และอัยการแถลงไม่ค้าน ศาลจึงให้งดการสืบพยาน และมีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจพฤติการณ์ของจำเลย ก่อนนัดคำพิพากษาในวันนี้
เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 601 “ลลิตา” และทนายความมานั่งรอในห้องพิจารณา นอกจากนี้ยังมีนักกิจกรรมมาให้กำลังใจลลิตาเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง ญาติ สื่อมวลชน และผู้สังเกตการณ์คดีจากองค์กรสิทธิมนุษยชนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
เวลา 10.14 น. ศาลออกนั่งและอ่านคำพิพากษา สรุปใจความได้ว่า จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3)
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี 6 เดือน และให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
ทั้งนี้ ศาลระบุว่า จำเลยได้สำนึกในการกระทำแล้ว โดยมีการเขียนจดหมายขอพระราชทานอภัยโทษไปทางสำนักพระราชวัง รวมถึงได้บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม และได้ลบแอปพลิเคชั่น TikTok ที่ใช้โพสต์คลิปวิดีโอตามฟ้องแล้ว ศาลจึงเห็นว่าควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวอีกครั้ง พร้อมย้ำว่าห้ามกระทำความผิดซ้ำอีก
หลังอ่านคำพิพากษา เพื่อน ๆ ได้เข้ามาแสดงความยินดีกับลลิตา ก่อนออกมาถ่ายรูปร่วมกันภายนอกศาลและแยกย้ายกันกลับ