นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังพบและหารือกับนายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ว่า ได้คุยกับนายหวัง อี้ เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง มีหลายมิติ โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) ที่ไทย-จีนได้ลงนามเกี่ยวกับเรื่องวีซ่าฟรีที่ทั้งสองประเทศเดินทางไป-มา โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป ถือว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงมิตรภาพที่จะครบ 50 ปีในปีหน้า เรื่องการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ซึ่งได้พูดคุยกัน
"นายหวัง อี้บอกว่า ประเทศจีนมีวัฒนธรรมหลากหลาย อยากให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปประเทศจีน ซึ่งผมก็ยืนยันว่าเราสนับสนุนให้ประชาชนสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กัน นอกจากนี้ยังพูดถึงจำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับมาปกติ ตั้งแต่สถานการณ์โควิด จาก 2,000 เที่ยวบินเหลือเพียง 1,200 เที่ยวบิน ซึ่งจากนี้จะยกระดับการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศไทยมากขึ้น มั่นใจว่าในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาจำนวนมากกว่าเดิม และนักท่องเที่ยวชาวไทยจะไปเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ถือเป็นผลดีกับทั้งสองประเทศ"
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะเป็นกลางและให้การสนับสนุนประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนจะมาพูดคุยกันในหลายมิติต่อไปในอนาคต ยินดีสนับสนุนการเจรจาระหว่างสองประเทศ ซึ่งนายหวัง อี้ดำริว่า หากจะพูดคุยกับอเมริกาจริงก็ขอให้เป็นประเทศในเอเชียและขอเลือกประเทศไทย ซึ่งบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถือว่าเป็นการประชุมในประวัติศาสตร์ครั้งแรกๆ เลยก็ว่าได้ นับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทย
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการค้าการลงทุนว่า ได้พูดคุยกันหลายมิติ เช่น การตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถอีวีอย่างเดียว ยังมีเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะมีขึ้นจากประเทศไทยไปยังจังหวัดหนองคาย ผ่านประเทศลาว เข้าสู่ประเทศจีน และปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ที่จะให้คณะทำงานของทั้งสองประเทศมาทำงานร่วมกัน รวมไปถึงการค้าขายทางด้านเกษตรกรรม เช่น การค้าโค ที่ประเทศจีนต้องการอย่างมาก แต่ติดปัญหาด้านกักกันเชื้อโรคอยู่ที่ประเทศลาว ทำให้การค้าระหว่างสองประเทศไม่สะดวก
"การหารือครั้งนี้ยังมีเรื่องการขอหมีแพนด้ามาจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่อีกครั้ง หลังจากตอนนี้ประเทศไทยไม่มีหมีแพนด้าเลย ซึ่งช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ผมเห็นในทวิต X ถึงการจัดอันดับจำนวนหมีแพนด้าในประเทศต่างๆ พบว่าประเทศไทยมีศูนย์ตัว ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนที่ดีถึงด้านความสัมพันธ์ทางการทูตที่เรามีต่อประเทศจีนตลอด 50 ปี ซึ่งได้ขอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนไปและได้รับการตอบรับ ที่จะทำให้เรามีหมีแพนด้าอีกครั้งหนึ่งที่สวนสัตว์จังหวัดเชียงใหม่"
นอกจากนี้ ไทย-จีนยังได้เซ็นสัญญาด้านการค้าเกษตรกรรม ระหว่างจีนกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์ นายหวัง อี้ ได้หยิบยกขึ้นมาพูดคุยและแสดงเจตจำนงว่ารัฐบาลจีนและภาคเอกชนจีนให้ความสนใจ แต่ขอข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นผลดีต่อภาคเอกชนของจีนที่มาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในไทย และจะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางส่งออก แน่นอนว่าเราต้องมีท่าเรือน้ำลึก และต้องมีโครงการเมกกะโปรเจคอย่างแลนด์บริดจ์มาช่วยสนับสนุน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะเดินทางไปจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีนด้วย