xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร”เชื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเกิดได้ยาก เลื่อนวันเริ่มแจกไปเป็นระยะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและเร่ขายฝันโครงการแลนด์บริดจ์นั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ต้องสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจสินค้าของเจ้าสัวหรือต่างประเทศกับการผ่อนคลายเศรษฐกิจปากท้องประชาชน

นายจตุพร กล่าวว่า การปล่อยให้เศรษฐกิจของประชาชนวิกฤต โดยรัฐบาลไม่นำงบประมาณจำนวน 3.4 ล้านล้านบาท มากระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศย่อมเกิดจากปัญหาสำคัญ 2 ด้านคือ รัฐบาลต้องการสร้างวิกฤตเพื่ออ้างถึงความจำเป็นต้องกู้เงินมาแก้ปัญหา และอีกด้านเป็นการติดขัดกับดีลผูกมัดไว้ไม่ให้ใช้งบประมาณ แต่ให้เป็นนายกฯ ได้ ดังนั้นวิกฤตใหญ่ของประเทศจึงหลีกเลี่ยงยากยิ่ง โดยการกู้เงินมาแจกโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้คนผลิตได้กำไร ส่วนประชาชนได้ใช้เงินแจกซื้อสินค้าในระยะเวลาเพียง 6 เดือน ซึ่งคงต้องจ่ายในร้านสะดวกซื้อของเจ้าสัวที่มีอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นจึงไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจแบบหมุน 5 รอบตามที่ประกาศเลย อย่างไรก็ตาม การแจกเงินเป็นวิธีการเข้าข่าวคนปัญญาอ่อนทำงานตามคำพูดของคนชั้น 14 รพ.ตำรวจเคยกล่าวไว้อย่างชัดเจน

อีกทั้งกังขาว่า สิ่งสำคัญแล้วรัฐบาลเพื่อไทยกล้าทำโครงการดิจิทัลจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้คนทำยังพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย กระทั่งยังเลื่อนเริ่มแจกเงินจาก พ.ค.ไป มิ.ย. ซึ่งมันไม่ต่างกัน แต่คงเป็นการหาทางลง เพื่อไม่ทำ ไม่แจกดิจิทัลแล้ว

"ผมเห็นแววว่า การกู้เงินโครงการดิจิทัลจะเข้า ครม. โดยจะเสนอเป็น พรก.(พระราชกำหนด) เงินกู้ แล้วถ้าไม่ผ่านการพิจารณาของสภา จะมีคนหน้าบางแสดงความรับผิดชอบ เพื่อเป็นทางลงและปิดบัญชีดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนเลื่อนแจกเป็น มิ.ย.ก็ว่ากันไป”

นายจตุพร กล่าวว่า การพูดอะไรเริ่มแจกเงินแล้วเลื่อนมาตั้งแต่ เม.ย. มา พ.ค. แล้วเป็น มิ.ย. จึงหาสาระไม่ได้ แต่ควรมีคำถามก่อนว่า จะกระตุ้นนายทุนหรือกระตุ้นประชาชน เพราะสินค้าที่ให้ชื้อนั้น เป็นสิ่งจำเป็นที่ประชาชนต้องใช้อยู่แล้ว ถ้าไม่แจกเงิน ประชานก็ต้องซื้ออยู่ดี

"การแจกเงินให้โดยกำหนดเวลาใช้จ่ายเท่ากับเร่งให้ประชาชนซื้อไปกักตุน แล้วทำให้ยอดขายสินค้าลดลงตามลำดับ จึงไม่ได้เป็นการกระตุ้นเลย ดังนั้น ตราบใดยังไม่แจกเงินให้เห็น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็ยังไม่เกิดขึ้น และเชื่อว่า เกิดได้ยาก คงมีแต่การสร้างความคาดหวังให้ประชาชนไปเรื่อยๆ โดยเลื่อนวันเริ่มแจกไปเป็นระยะ เช่นล่าสุดบอกว่าจะเริ่มแจก มิ.ย.”

นายจตุพร ถามว่า นายเศรษฐา และรัฐบาลจะอยู่จนผ่านวัน สว.หมดวาระในตำแหน่ง 11 พ.ค.นี้หรือไม่ เพราะวัน สว.พ้นตำแหน่งถูกขีดเส้นใต้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นไว้แล้ว ฉะนั้นหากไม่มีเงื่อนไขข้อตกลง (ดีล) กันจริงแล้ว ย่อมสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารของรัฐบาลได้ชัดเจน

"รีบอธิบายมาว่า ทำไมงบประมาณ 2567 จึงเสนอล่าช้า จนเหลือเวลาได้ใช้งบประมาณเพียง 5 เดือน (พ.ค.-ก.ย.) เท่านั้นก็จะสิ้นปีงบประมาณ แต่บริหารประเทศมา 9 เดือน (ส.ค.66 -พ.ค. 67) โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินเลยเหรอ มันเป็นหลักการบริหารที่ไหนกัน ดังนั้น การบริหารเช่นนี้ย่อมสอดคล้องกับคำพูดของทักษิณ ชินวัตร คนชั้น 14 ได้เลยว่า เป็นเรื่องปัญญาอ่อน ซึ่งไม่มีใครทำกันแบบนี้ วิกฤตที่ไม่ควรเกิดก็จะต้องเกิดขึ้นแน่"

นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศมาตลอดตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และถึงเพื่อไทย ทิ้งช่วงไม่ได้เป็นรัฐบาลประมาณ 8-9 ปี เมื่อครั้งถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 แต่ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อไทยไม่ใช้งบประมาณมาบริหารประเทศตั้ง 9 เดือน ซึ่งเป็นไปได้อย่างไรกัน

ส่วนการเร่ขายโครงการแลนด์บริดจ์ให้ต่างชาติมาลงทุนนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นโครงการที่ไม่ได้หาเสียงไว้เลย เป็นเพียงโครงการของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่รัฐบาลเพื่อไทยตะครุบเอาไปประกาศเชิญชวนต่างชาติมาลงทุนโดยอ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งยังไม่รู้ว่าชาติไหนจะมาลงทุน

"สิ่งสำคัญถ้ายังหาชาติไหนมาลงทุนโครงการไม่ได้ แต่ประเทศไทยมีหน้าที่รับผิดชอบลงทุนการเวนคืนที่ดินแล้ว รัฐบาลอย่าได้คิดไปเวนคืนที่ดินของประชาชน เพราะสิ่งนี้จะเกิดเรื่องระลอกแรกแน่”

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้โครงการแลนด์บริดจ์หาความเป็นรูปธรรมไม่ได้ อีกอย่างต่างชาติที่จะมาลงทุนต้องใจถึงมาก แต่สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นกับการลงทุนนี้คือ ไทยต้องเสียดินแดนในโครงการนี้ไปให้ต่างชาติครอบครอง 50 ปี ซึ่งสถานการณ์นี้ไม่ง่าย เพราะถ้าความสำเร็จการค้าไม่มี แล้วความสำเร็จด้านความมั่นคงมาแทนที่ จะเป็นความฉิบหายเลย

"โครงการแลนด์บริดจ์มีแกนหลักอยู่ที่การสร้างทางลัดขนส่งสินค้า แต่ด้วยวิธีการขนถ่ายสินค้าขึ้นลงเรือ แล้วมาขนลงที่ไทยฝั่งทะเลอันดามัน แล้วขนขึ้นรถราง รถไฟ หรือท่อ วิ่งตัดผ่านมาขนถ่ายลงที่อ่าวไทย แล้วขนขึ้นเรืออีกทอดหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังประเทศเป้าหมาย ดังนั้น ตามกระบวนการโครงการนี้ การขนสินค้าขึ้นลงมีถึง 7 รอบ (รวม 14 ครั้ง) นั้น เป็นการลงทุนยิ่งกว่าขี่ช้างจับตั๊กกะแตน หาจุดคุ้มทุนได้ยาก”

นายจตุพร กล่าวว่า จะเสนอโครงการร่นระยะเวลาเดินทางของสินค้านั้น ต้องใช้ระบบขุดคลองให้เรือผ่านได้ง่าย แล้วสร้างแลนด์บริดจ์ สร้างท่อ ถนน รถไฟคาบคู่ขนานกันไป ซึ่งโครงการแบบนี้มีต่างชาติมาลงทุนแน่นอน

“เมื่อไม่มีคลองแล้ว มีแต่ท่อ มีถนนมอเตอร์เวย์ รถไฟ และท่าเรือน้ำลึกสองฝั่ง ซึ่งต้องใช้พื้นที่จอดเรือเพื่อรอขนสินค้าขึ้นลงรวมถึง 14 เที่ยว (ขึ้นลง) ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นแลนด์บริดจ์จึงเป็นจุดเกิดยาก ยกเว้นตัดสินใจขุดคลองแล้วเอาแลนด์บริดจ์ควบคู่ อันนี้เกิดแน่”

ประเทศไทยต้องมาก่อน