นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า เป้าหมายการอภิปรายของ ส.ว. เป็นไปเพื่อทวงดีลการเป็นนายกฯ ของนายเศรษฐา ทวีสิน และการดื้อดึงโครงการกู้เงินดิจิทัล ดังนั้นสัญญาณนี้จะรุนแรงขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะเห็นร่องรอยนายกฯ จะอยู่หรือไปได้ชัดเจน
นายจตุพร กล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ ว่า การสร้างถนนและรางรถไฟครอบถนนจากฝั่งอ่าวไทยไปลงทะเลอันดามัน ไม่มีความคุ้มค่าการลงทุน เพราะหาความเป็นจริงไม่ได้ อีกอย่างบริษัทเดินเรือทั้งหลายย่อมคิดถึงจุดคุ้มทุนเป็นด้านหลัก ที่สำคัญยังไม่มีบริษัทไหนกล้ามาลงทุน 100 % กับโครงการแลด์บริดจ์
ส่วนเอกสารรายงานการกู้เงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่หลุดจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องนี้ในความเป็นจริงคณะกรรมการกฤษฎีกาไปตอบคำถามรัฐมนตรีคลังไปแล้ว โดยให้กู้เงินได้ถ้าไม่ผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง แต่เอกสาร ปปช.ลามถึงการอ้าง รธน. และกฎหมายประกอบ รธน.ว่าด้วยการเลือกตั้งเกี่ยวพันกับสัญญาว่าจะให้ และกฎหมายอย่างอื่นด้วย ซึ่งหมายถึงความผิดต้องติดคุก
"เอกสาร ป.ป.ช.หมายความว่า เป็นการส่งสัญญาณยาแรง ซึ่งเตือนหนักยิ่งกว่าการจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดังนั้น สัญญาณของ ปปช.เตือนตั้งแต่นายกฯ รมว.คลัง รมช.คลัง และ ครม.ทั้งหลาย จึงทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมีความสุขที่สุดที่เอกสาร ปปช.หลุดมา เหมือนยกดิจิทัลวอลเล็ตออกจากอก เพราะถ้าเข้า ครม.และยังดื้ออยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะมี รัฐมนตรีเข้าประชุมกี่คน อาจเหลือรัฐมนตรีเพื่อไทยพรรคเดียวก็ได้"
นายจตุพร ยกกรณีการเตือนของ ปปช.เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวมาแสดงถึงโทษความผิดว่า ศาลตัดสินลงโทษรัฐมนตรีมากถึง 45 ปี และข้าราชการเจอโทษไปเป็นพวงคนละหลายปี ส่วนนายกฯ มีโทษถึง 5 ปี
ส่วนโครงการดิจิทัลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ปปช.ยังส่งสัญญาณไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยว่า ให้ทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะการหาเสียงที่ประกาศนโยบายหลอกลวง โดยบอกว่าไม่กู้เงิน แต่เมื่อเป็นรัฐบาลกลับเสนอการกู้เงินมาแจกคนละหมื่น แต่ กกต.เงียบเฉยไม่ตรวจสอบตามกฎหมายเลือกตั้ง
"อยากได้ยินเสียงของ กกต.เช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นต่อไปนี้การหาเสียงคงต้มกันได้ หาเสียงอย่าง แล้วไปทำอย่าง ถ้าคนที่เลือกเพื่อไทยรู้ว่าต้องมากู้เงินแจก คนไปใช้สิทธิ์คงไม่ลงคะแนนให้เพื่อไทยมากเท่านี้ แต่เมื่อมีอำนาจกลับไปทำคนละอย่างที่หาเสียงไว้ ดังนั้น รายงาน ปปช.เท่ากับตีตะปูปิดฝาโรงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว โครงการนี้อย่างไรเกิดไม่ได้ ยกเว้นแปลงการแจกเงินให้เหลือแต่กลุ่มเปราะบางเท่านั้น"
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว รัฐบาลเพื่อไทยควรยอมมอบตัวเลิกการแจกดิจิทัลได้แล้ว แม้จะแถแถกไปทางไหนอีก จนต้องเลื่อนการประชุมคณะกรรมการดิจิทัล แต่รัฐมนตรียังปากดี แถอ้างไม่อยากรวบรัด ซึ่งสวนทางกับการอ้างว่าประเทศอยู่ในขั้นวิกฤตต้องรีบกู้เงิน
อีกทั้งกล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปของ สว.ว่า ขณะนี้ได้เสียงเกินกว่าจำนวน 84 คนที่ รธน.กำหนดไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ในรายชื่อ สว.สนับสนุนการอภิปรายนั้นมี สว.สายกองทัพอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่ง สว.หลายคนเคยโหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ มาแล้วด้วย แต่ต้องมาอภิปรายนายเศรษฐา
นายจตุพร กล่าวว่า เดือนมีนาคมนี้จะเป็นตัวบ่งบอกว่านายเศรษฐาจะถูก สว.อภิปรายหรือไม่ เพราะถ้านายเศรษฐาไม่อยู่เป็นนายกฯ สว.ก็ไม่ได้อภิปราย หากยังอยู่ก็โดนอภิปรายแน่ ดังนั้น สว.เท่ากับส่งสัญญาณให้นายเศรษฐา คิดดีๆ และรีบมอบตัวในการบริหารบ้านเมืองผิดพลาดโดยเร็ว
"สว.ชุดปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ 11 พ.ค. นี้ ดังนั้นช่วง มี.ค.จึงเป็นคำตอบการอภิปรายทั่วไปจะมีขึ้นหรือไม่ หากเศรษฐาอยู่ในเดือนมีนาคมก็ถูกอภิปราย ถ้าไม่อยู่ สว.ก็ไม่ได้อภิปราย อีกทั้งเมื่อเห็นอาการของ สว.กับการเปิดอภิปรายนั้น รู้ได้ทันทีว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และสะะท้อนถึงการดีลไม่มีเบ็ดเสร็จไปทุกเรื่อง แต่กลับถูกควบคุมแน่นหนาเพื่อป้องกันการออกนอกทางอีกด้วย"
นายจตุพร เตือนว่า นายเศรษฐา คิดให้ดีๆ เพราะบ้านเมืองนี้ไม่ยอมให้ใครมามีอำนาจเบ็ดเสร็จแน่ พิจารณากันง่ายๆว่า ถ้าเบ็ดเสร็จแล้ว กฤษฎีกากับ ปปช.คงไม่ออกโรงมาส่งสัญญาณความผิดโครงการเงินกู้ดิจิทัลวอลเล็ตแน่นอน แต่บางคนหลงเข้าใจว่าทุกอย่างดีหมด หลอกตัวเองซ้ำๆ ไม่จดจำบทเรียนเก่าที่ผ่านมาเลย
"นายเศรษฐาจะเป็นนายกฯ ที่อาจไม่ได้่ใช้งบประมาณแผ่นดินบริหารประเทศด้วยซ้ำ และถ้า สว.เปิดอภิปรายทั่วไปถูกออกแบบไว้ในเดือนมีนาคมแล้ว จะเกิดปรากฎการณ์อย่างที่ว่ามาแล้ว คือ อยู่ได้อภิปราย ไม่อยู่ สว.ไม่ได้อภิปราย"
รวมทั้งย้ำว่า ถ้านายเศรษฐายังอยู่ หลังเดือนมีนาคมนี้ อาจจะเห็นเรื่องราวจ่อมาเล่นงานนายกฯและพรรคเพื่อไทยมากขึ้น ทั้งการสร้างสะพานพระโขนง อีกทั้ง กกต.งัดสัญญาว่าจะให้ในการหาเสียง รับปากแล้วไม่ตรงปกเข้าข่ายหลอกลวง จูงใจผู้ลงคะแนน ซึ่งจะทำสำนวนเสร็จพอดี เรื่องเหล่านี้จะแทรกเข้ามาหมด ราวกับพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก
"ไปดีลกับเขาไว้อย่างไงละ ใช้เวลาดีลเท่าไรละ พรรคร่วมรู้กันทั้งนั้น คือรู้ถึงวันไป หากรัฐบาลอยากอยู่กัน 4 ปี พรรคร่วมรัฐบาลคงไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ โดยไม่มีความกระตือรือร้น ซึ่งผิดวิสัย ดังนั้นการขยันทำงาน การเดินสายไปทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะไม่ได้ผลสักเรื่อง"
นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลที่ออกแบบให้เป็นอยู่ขณะนี้ เกิดจากการดีลกัน ดีลให้ สว.โหวตหนุนเป็นนายกฯ และให้นักโทษกลับมาไม่ต้องติดคุกสักวัน ทั้งหมดการดีลได้ไปแล้ว ทั้งเรื่องไม่ติดคุก ได้นอน รพ.ตำรวจ ซึ่งจะกลายเป็นจุดหักเหของรัฐบาลไปด้วยทันที แล้วยังได้ความขัดแย้งใหม่เข้ามาแทนที่ด้วย ยังไม่รู้ตัวกันอีกหรือ?
"ดังนั้นมาตรการในการทวงดีลได้เริ่มสำแดงผ่านหลายองค์กร ถ้าใครเบี้ยวจะเห็นรังสีอำมหิตเรียงแถวมาเล่นงานตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยังไม่เชื่อว่าถ้านายเศรษฐาไป จะได้อุ๊งอิ๊งมาเป็นนายกฯ เพราะการบริหารของของรัฐบาลทำให้ความนิยมลดลงไปตามลำดับ"
พร้อมทั้งคาดว่า ถ้าอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ เท่ากับปิดทางกลับไทยของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีการดีลกันไว้ด้วย ดังนั้น โอกาสเป็นนายกฯ ของอุ๊งอิ๊ง จึงเป็นไปได้ยากมาก อย่างไรก็ตามให้จับตาดูเดือนมีนาคมนี้ ถ้า สว.ได้อภิปรายทั่วไปจริง เท่ากับสงครามจะเริ่มต้นใหม่ และจะจบกันอย่างไรต้องคอยดูกันไป โดยเดือนมีนาคมจะได้เห็นร่องรอยทวงดีลเกิดขึ้น
ประเทศไทยต้องมาก่อน