xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร”ระบุ รบ.ออกอาการกวนโอ๊ยท้าทาย ปชช.มากขึ้น ปมขวาง กมธ.ตรวจสอบนักโทษป่วยชั้น 14

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า สถานการณ์ของนักโทษชั้น 14 จะเริ่มเป็นปัญหาบานปลายนับแต่ 11 ม.ค. เป็นไป เพราะรัฐบาลพยายามปกปิดความจริงของนักโทษอภิสิทธิ์ชนที่ไม่ยอมติดคุกสักวัน เมื่อผสมกับกรณีดิจิทัลวอลเล็ต ยิ่งจะทำให้รัฐบาลพังได้ง่ายขึ้น

นายจตุพร กล่าวว่า กรณี รพ.ตำรวจให้คณะกรรมาธิการตำรวจของสภา (กมธ.) ไปตรวจได้แค่ชั้น 6 อาคารศรียานนท์ เรื่องราวเหล่านี้ผิดกับกรณีไปเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำว่าถ้าผู้ต้องขังไม่ยินยอม ไม่สามารถไปเยี่ยมได้ แต่ กมธ.ไปตรวจว่านักโทษชั้น 14 ป่วยจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการไปเยี่ยมนักโทษที่มีสิทธิ์ไม่ให้ใครมาเยี่ยมก็ได้

"ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (11 ม.ค.) คณะกรรมการราชทัณฑ์ อยากจะทำอะไรก็ให้เต็มที่เลย และเรื่องง่ายที่สุดคือพูดความจริง ทั้ง รพ.ตำรวจและกรมราชทัณฑ์ต้องทำความจริงให้ปรากฎ และทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาทุกอย่างจะไม่เป็นปัญหาเลย"

นายจตุพร กล่าวว่า ในกรณีนักโทษทักษิณอยู่ รพ.ตำรวจ เกิน 120 วัน แต่กรมราชทัณฑ์ทำรายงานผู้ป่วยล่าช้า ซึ่งมันยากขนาดนี้เชียวหรือ เมื่อแพทย์รักษากันทุกวัน ไม่น่ามีอะไรสลับซับซ้อน การรายงานล่าช้าแสดงว่าบกพร่องชัดเจนและ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ไม่สามารถทำอะไรอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ใช่หรือไม่

"เมื่อ กมธ.ตำรวจไปตรวจสอบ รพ.ตำรวจ แต่กลับให้แค่ชั้น 6 และเป็นคนละอาคารอีก หมายความว่า ต้องการกวนตีนสังคม ท้าทายอารมณ์ของประชาชนหรือ? ถ้าป่วยเจ็บไข้จริงไม่มีคนไทยคนไหนใจดำเลย อีกอย่างยิ่งคนในครอบครัวป่วย ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถไปเริงร่าที่ไหนได้เลย ต้องเฝ้าทุกวัน และยิ่งติดคุกแล้วป่วยด้วยยิ่งต้องไปเฝ้าทุกวัน"

อีกทั้งกล่าวว่า ขณะนี้คำถามเริ่มดังมากขึ้น โดยสงสัยว่าทักษิณป่วยจริงหรือไม่ และอยู่ รพ.ตำรวจจริงหรือไม่ ดังนั้น กมธ.ตำรวจจึงต้องไปพิสูจน์ทราบเพื่ออธิบายประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว หากไม่มีอะไรผิดธรรมชาติต้องมีคนไปเยี่ยมตามปกติ แล้วจะมีอะไรเป็นความลับเปิดเผยไม่ได้

"ปรากฎการณ์พรุ่งนี้ (11 ม.ค.) น่าสนใจ ดูอาการแล้วการย้าย รพ. หรือกลับบ้านอาจจะลังเล อีกทั้งการอ้างเพื่อปกป้องนักโทษทักษิณว่า ติดคุกเพราะการรัฐประหาร และคนไปชุมนุมที่ทำเนียบต่้องบการล้มรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องนักโทษชั้น 14 เป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกัน แต่ถ้ารัฐบาลท้าทายประชาชนเช่นนี้ รัฐบาลจะล้มครืนไป ยังจำไม่ได้เหรอเรื่องสุดซอย"

กรณีฝ่ายกองเชียร์ทักษิณพยายามปกป้องว่า ไม่ได้ทำผิด นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อไม่ผิดแล้วถวายฎีกาอภัยโทษและเขียนว่าสำนึกผิดต่อพระมหากษัตริย์จึงได้ให้ลดโทษ จึงแสดงถึงการโกหกชัดเจน ดังนั้น ถ้าเป็นนักต่อสู้จริง เมื่อไม่ผิดก็ต้องไม่รับผิด และพร้อมติดคุกในคดีทุจริตที่มีโทษจำคุกเหมือนคนอื่น ซึ่งจะได้รับความชมเชยอย่างสง่างามยิ่ง

ส่วนรัฐบาลบอกว่า คนพยายามหาเรื่องล้มรัฐบาล นายจตุพร กล่าวว่า หากไม่มีเรื่องทักษิณชั้น 14 แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องล้มรัฐบาลเลย เพราะอย่างไรรัฐบาลก็ล้มอยู่แล้ว ทั้งเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตยังกล้าไปต่อหรือไม่ อีกอย่างรัฐบาลพยายามนั่งรอวิกฤตให้เกิดขึ้นเพื่อเสนอกู้เงิน 5 แสนล้านบาทมาแจกประชาชนคนละหมื่นบาทยิ่งจะเป็นชนวนทำให้ปัญหาล้มรัฐบาลบานปลายไปกันใหญ่อีก

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจะล้มหรือไม่ล้มก็มาจาก 2 เรื่องคือ กรณีนักโทษชั้น 14 ถ้าทำไม่ถูกต้องจะพากันพังทั้งรัฐบาล และเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตกับเงินกู้ถ้าเชื่อว่าทำได้จริงก็ลงมือทำเลย ก็จะได้วัดกัน ดังนั้นอย่ามากล่าวอ้างว่า ใครที่ออกมาเคลื่อนไหวชั้น 14 เพราะต้องการล้มรัฐบาล

"แต่เราเห็นว่า การทำให้เป็นกระบวนการยุติธรรมเป็นมาตรฐานเดียว ซึ่งต่อสู้กันมา ล้มตายมากมายทำไม่ได้เหรอ บ้านเมืองนี้จะมีอภิสิทธิ์ชนอยู่ได้กันอย่างไร อะไรก็ตรวจสอบกันไม่ได้ หลักฐานเดียวที่จะมีที วีวงจรปิดก็เสียอีก ทุกอย่างผิดปกติกันทั้งสิ้น ไม่รายงานตามกำหนดระหว่างอธิบดีกรมราชทัณฑ์กับ รมว.ยุติธรรม ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เป็นความล้มเหลว และไม่ตรงไปตรงมาจนคนสงสัยกันมากขึ้น"

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้คนไทยต้องการความยุติธรรม ต้องการมาตรฐานเดียวกันจริงๆ และชิงชังสองมาตรฐานที่ได้ต่อสู้กันมา แต่วันนี้กลับไปทำเสียเอง อีกอย่างถ้าโง่ไปจัดม็อบมาแข่งอีกจะพังกันทั้งรัฐบาลเลย จึงต้องเตือนกันไว้ก่อน เพราะจะปลุกให้ประชาชนอีกซีกทนไม่ได้ก็จะลงมาเต็มถนน

นายจตุพร กล่าวว่า กระแสอารมณ์ประชาชนที่ผุดขึ้นมาแต่ละครั้งนั้น เป็นอารมณ์ร่วมและความสะเทือนใจกับความอยุติธรรมแบบชั้น 14 ถ้าสะสมกันมากเข้าคนจะออกมาลงถนน หรือคนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่มีใครเห็นด้วยกับการต้องคำพิพากษาให้ติดคุก ได้รับโอกาสให้อภัยลดโทษจาก 8 ปีเหลือหนึ่งปี แต่ไม่ยอมติดคุกสักวัน

"ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องอคติ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องหลักของบ้านเมือง และเรื่องนี้จะกลายเป็นชนวนของทุกสิ่งอย่าง เพราะถ้าคนรับไม่ได้ แล้วมีเรื่องดิจิทัลเข้ามาบวกอีก ก็จะรับมือกันไม่อยู่เลย"

นายจตุพร เชื่อว่า ในวันที่ 12 จะเป็นเรื่องที่ กมธ.ไปตรวจ รพ.ตำรวจ หรือการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลจะทำให้คนสนใจทั้งประเทศ เพราะประชาชนต้องการความถูกต้อง เมื่อนักโทษทุกคนไม่เคยได้รับการละเว้น แต่คนหนึ่งต้องคำพิพากษาก็ไม่ยอมติดคุก มีการปกป้อง ให้โอกาสอยู่ รพ.ตำรวจ เกินกว่า 130 วันแล้ว

“แล้วบ้านเมืองจะอยู่กันแบบนี้เหรอ และบาดแผลอภิสิทธิ์ชนของนักโทษชั้น 14 จะนำไปล้มรัฐบาลได้อย่างน่าสนใจที่สุด เมื่อรวมกับปัญหาใหม่ การกู้เงินดิจิทัลอีก รัฐบาลยิ่งพังกันเร็วขึ้นไปอีก”

ประเทศไทยต้องมาก่อน