นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เปิดเผยว่า การประชุม กมธ.ในวันนี้ (8 ม.ค.) จะมีการพิจารณาให้เป็นข้อยุติเกี่ยวกับการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 หลังจาก กมธ.ได้หารือภายในและได้สอบถามความคิดเห็นของ สว.มาก่อนหน้านี้แล้วเห็นว่า สว.ควรทำหน้าที่ขอเปิดอภิปรายให้รัฐบาลชี้แจงในประเด็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการทำงานตามนโยบายและการหาเสียง หลังพบว่าช่วง 4 เดือนที่ผ่านมายังไม่พบการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม
สำหรับปัญหาหรือประเด็นที่จะเสนอในญัตติตามที่หารือเบื้องต้น ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน กระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งหลังจาก กมธ.การเมืองได้ข้อสรุปในประเด็นรายละเอียด รวมถึงการกำหนดวันอภิปราย ซึ่งเบื้องต้นการอภิปรายทั่วไปจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนปิดสมัยประชุมในเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะให้ สว.เข้าชื่อ 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คนเพื่อยื่นญัตติต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ซึ่งตามบทบัญญัติของมาตรา 153 ไม่ได้กำหนดว่า ครม.ต้องมาตอบเมื่อใด แต่เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาล
ประธาน กมธ.การเมือง กล่าวว่า การเสนอญัตติดังกล่าวของ สว.เป็นการทำงานเพื่อประโยชน์ในช่วงเวลาที่จำกัด สว.ไม่ใช่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายขัดแย้ง ดังนั้นเวทีดังกล่าวเห็นควรมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งทำงานตามที่หาเสียงหรือแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ปรากฏ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีผลงานใดออกมาเป็นรูปธรรม
สำหรับปัญหาหรือประเด็นที่จะเสนอในญัตติตามที่หารือเบื้องต้น ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน กระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งหลังจาก กมธ.การเมืองได้ข้อสรุปในประเด็นรายละเอียด รวมถึงการกำหนดวันอภิปราย ซึ่งเบื้องต้นการอภิปรายทั่วไปจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนปิดสมัยประชุมในเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะให้ สว.เข้าชื่อ 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คนเพื่อยื่นญัตติต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ซึ่งตามบทบัญญัติของมาตรา 153 ไม่ได้กำหนดว่า ครม.ต้องมาตอบเมื่อใด แต่เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาล
ประธาน กมธ.การเมือง กล่าวว่า การเสนอญัตติดังกล่าวของ สว.เป็นการทำงานเพื่อประโยชน์ในช่วงเวลาที่จำกัด สว.ไม่ใช่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายขัดแย้ง ดังนั้นเวทีดังกล่าวเห็นควรมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งทำงานตามที่หาเสียงหรือแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ปรากฏ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีผลงานใดออกมาเป็นรูปธรรม