สถานีตำรวจภูธรบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โพสต์ระบุว่า กรณีที่มีภาพปรากฏในโซเชียล ในแอพพลิเคชั่นติ๊กต็อก ( TIK TOK ) เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2566 ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถยนต์ของราชการพาผู้หญิงและเด็กไปจอดซื้อของร้านสะดวกซื้อ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับตำรวจนายหนึ่งที่ได้ขับรถหลวงมาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นั้น
สภ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ได้รับแจ้ง กรณีที่มีภาพปรากฏในโซเชียล ในแอพพลิเคชั่นติ๊กต็อก ( TIK TOK)ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถยนต์ของราชการพาผู้หญิงและเด็กไปจอดซื้อของร้านสะดวกซื้อ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2566เวลา 18.30 น. ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
ปรากฏว่ามีผู้หญิงและเด็กเดินลงมาจากรถ ก่อนจะเดินไปเลือก ซื้อของ และกลับมานั่งรถคันดังกล่าว โดยเปิดปิดประตูรถเองเหมือนความเคยชิน ซึ่งไม่ต้องมีตำรวจมาคอยดูความเรียบร้อยให้เลย จากการตรวจสอบแล้ว คือร้อยตำรวจตรีสุทิน ชวลิตพร อายุ 55 ปี ตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันปราบปราม มาปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน มีหน้าที่ในการช่วยเหลืองานกำลังปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน ตำแหน่งพลขับ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ร.ต.อ.ธนัญชัย ท้าวสมบูรณ์ รอง สว.(สอบสวน)ฯ ปฏิบัติหน้าที่เวรสอบสวน ได้ให้ร้อยตำรวจตรีสุทิน ชวลิตพร ไปติดต่อขอรับเอกสารทางคดี และออกตรวจพื้นที่ในขณะที่ดำเนินการอยู่นั้นพบภริยา
และลูกชายเดินอยู่ข้างถนน จึงได้หยุดรถสอบถาม ภริยาของร้อยตำรวจตรีสุทิน ชวลิตพร แจ้งว่า รถเสีย
จึงได้รับภริยากับลูก ที่ซอยตาย้อย ม.1 ต.หลักสาม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ไปส่งที่พักแฟลตตำรวจ ม.1 ต.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างทางลูกชายขอร้องให้ร้อยตำรวจตรีสุทิน ชวลิตพร ขับรถแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมกลับไปกิน ร้อยตำรวจตรีสุทิน ชวลิตพร จึงได้จอดรถแวะซื้อ โดยใช้เวลาที่ ร้านสะดวกซื้อประมาณ 10 นาที จึงได้ไปส่งภริยาและลูกชายที่แฟลตตำรวจ จากนั้นจึงได้เดินทางไปที่ สภ.บ้านแพ้ว เพื่อนำใบชันสูตรให้พนักงานสอบสวนทันที และ สภ.บ้านแพ้วได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว ตามคำสั่ง สถานีตำรวจภูธรบ้านแพ้วที่ 11/2567 ลงวันที่ 3 มกราคม 2567
ในส่วนของ สภ.บ้านแพ้ว ได้มีการกำชับการปฏิบัติตนของงข้าราชการตำรวจให้เป็นไปตามระเบียบที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดอยู่เสมอ และมีการตรวจสอบและควบคุมการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ และสิ่งของหลวงมิให้ใช้ไปเพื่อการส่วนตัว โดยเด็ดขาด เพื่อมุ่งมั่นบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และให้บริการประชาชนอย่างเต็ม ความสามารถ