นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวก่อนเข้าร่วมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ว่า สำหรับพรรคก้าวไกลเตรียมทำการบ้าน โดยประเด็นหลักจะดูเรื่องงบประมาณที่จัดสรรใหม่ ได้สะท้อนหรือยึดโยงกับนโยบายที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าและได้แถลงไว้หรือไม่ ซึ่งงบประมาณครั้งนี้จะสะท้อนสภาวะทางการเมืองที่เป็นจริงในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม การให้เวลา 7 วันในการศึกษาสาระของร่าง พ.ร.บ. ถือว่าน้อยเกินไป จึงหวังว่าครั้งต่อไปจะให้เวลาในการพิจารณามากกว่านี้
ทั้งนี้ มีหลายฝ่ายมองว่าการจัดสรรงบฯ ของรัฐบาลครั้งนี้ไม่ตรงปก นายชัยธวัช ระบุว่า ถือว่าเป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดเจน ไม่ใช่เพิ่งจะเห็นในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ แต่เห็นตั้งแต่การแถลงนโยบาย มาจนถึงแผนงานการกระทรวง ก็จะเห็นว่าการจัดสรรงบไม่สะท้อนตามวาระ หรือเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งนี้ถือว่าเป็นปัญหา ซึ่งฝ่ายค้านคงได้ใช้เวลาทั้ง 3 วันนี้ ในการอภิปรายชี้แจง วิพากษ์วิจารณ์ให้เห็นในรายละเอียด
นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าการอภิปรายจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของรัฐบาล รวมถึงประชาชนด้วย ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการติดตามงบประมาณของรัฐบาลชุดใหม่ โดยทั้ง 3 วัน ฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลได้แบ่งเวลากันฝ่ายละ 20 ชั่วโมง
นายชัยธวัช กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายของฝ่ายค้านในวันแรกคงจะอธิบายให้เห็นภาพ ที่เป็นปัญหาใหญ่ ส่วนในวาระที่สองก็จะลงลึกในรายละเอียดของแต่ละกระทรวง และหน่วยรับงบประมาณ ซึ่งก็จะตรวจสอบการกำหนดงบประมาณไว้ มีประสิทธิภาพตอบโจทย์หรือคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งข้อจำกัดของสภาฯ คือการตัดงบได้อย่างเดียว
ส่วนจะมีการหยิบยกประเด็นของนายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาพูดด้วยหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายค้านไม่ได้พูด และมองว่า ฝั่งรัฐบาลอาจจะร้อนตัวไปก่อน ก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่สิ่งที่จะต้องพูดด้วยคือ พ.ร.บ.งบประมาณไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาในการดำเนินนโยบายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนสภาวะการทางการเมืองที่เป็นจริงในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ และเรื่องนายทักษิณ ไม่ใช่ประเด็น
ส่วนที่มีการมองว่าการจัดงบประมาณครั้งนี้ทำให้มองไม่เห็นอนาคตของประเทศนั้น นายชัยธวัช มองว่า เราแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ นี่คือปัญหา ทั้งๆ ที่รัฐบาลมีมติ ครม.ให้ทบทวนงบประมาณใหม่ตั้งแต่เดือนกันยายน เป็นเวลา 3 เดือน แต่กลับใช้เวลา 3 เดือนได้อย่างน่าผิดหวังมาก
ส่วนการเรียกรับทรัพย์ในชั้นกรรมาธิการนั้น นายชัยธวัช มองว่า ไม่ใช่เป็นปัญหาเฉพาะฝ่ายค้านและรัฐบาลเท่านั้น แต่ตั้งแต่ทำงานมาสมัยอนาคตใหม่ และสมัยพรรคก้าวไกล จะเห็น สส.ใช้การอภิปรายงบประมาณในการตบทรัพย์ หรือไปเรียกรับผลประโยชน์ในการไปแบ่งปัน เพื่อไปเบียดบังงบประมาณเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ดังนั้นในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน จึงต้องกำกับไม่ให้ สส.ฝ่ายค้านด้วยกันเองไม่ให้มีปัญหา และให้การพิจารณางบประมาณเป็นไปตามเป้าหมายจริงๆ ไม่ใช่เวทีของการตบทรัพย์และเรียกรับผลประโยชน์
ทั้งนี้ มีหลายฝ่ายมองว่าการจัดสรรงบฯ ของรัฐบาลครั้งนี้ไม่ตรงปก นายชัยธวัช ระบุว่า ถือว่าเป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดเจน ไม่ใช่เพิ่งจะเห็นในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ แต่เห็นตั้งแต่การแถลงนโยบาย มาจนถึงแผนงานการกระทรวง ก็จะเห็นว่าการจัดสรรงบไม่สะท้อนตามวาระ หรือเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งนี้ถือว่าเป็นปัญหา ซึ่งฝ่ายค้านคงได้ใช้เวลาทั้ง 3 วันนี้ ในการอภิปรายชี้แจง วิพากษ์วิจารณ์ให้เห็นในรายละเอียด
นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าการอภิปรายจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของรัฐบาล รวมถึงประชาชนด้วย ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการติดตามงบประมาณของรัฐบาลชุดใหม่ โดยทั้ง 3 วัน ฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลได้แบ่งเวลากันฝ่ายละ 20 ชั่วโมง
นายชัยธวัช กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายของฝ่ายค้านในวันแรกคงจะอธิบายให้เห็นภาพ ที่เป็นปัญหาใหญ่ ส่วนในวาระที่สองก็จะลงลึกในรายละเอียดของแต่ละกระทรวง และหน่วยรับงบประมาณ ซึ่งก็จะตรวจสอบการกำหนดงบประมาณไว้ มีประสิทธิภาพตอบโจทย์หรือคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งข้อจำกัดของสภาฯ คือการตัดงบได้อย่างเดียว
ส่วนจะมีการหยิบยกประเด็นของนายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาพูดด้วยหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายค้านไม่ได้พูด และมองว่า ฝั่งรัฐบาลอาจจะร้อนตัวไปก่อน ก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่สิ่งที่จะต้องพูดด้วยคือ พ.ร.บ.งบประมาณไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาในการดำเนินนโยบายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนสภาวะการทางการเมืองที่เป็นจริงในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ และเรื่องนายทักษิณ ไม่ใช่ประเด็น
ส่วนที่มีการมองว่าการจัดงบประมาณครั้งนี้ทำให้มองไม่เห็นอนาคตของประเทศนั้น นายชัยธวัช มองว่า เราแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ นี่คือปัญหา ทั้งๆ ที่รัฐบาลมีมติ ครม.ให้ทบทวนงบประมาณใหม่ตั้งแต่เดือนกันยายน เป็นเวลา 3 เดือน แต่กลับใช้เวลา 3 เดือนได้อย่างน่าผิดหวังมาก
ส่วนการเรียกรับทรัพย์ในชั้นกรรมาธิการนั้น นายชัยธวัช มองว่า ไม่ใช่เป็นปัญหาเฉพาะฝ่ายค้านและรัฐบาลเท่านั้น แต่ตั้งแต่ทำงานมาสมัยอนาคตใหม่ และสมัยพรรคก้าวไกล จะเห็น สส.ใช้การอภิปรายงบประมาณในการตบทรัพย์ หรือไปเรียกรับผลประโยชน์ในการไปแบ่งปัน เพื่อไปเบียดบังงบประมาณเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ดังนั้นในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน จึงต้องกำกับไม่ให้ สส.ฝ่ายค้านด้วยกันเองไม่ให้มีปัญหา และให้การพิจารณางบประมาณเป็นไปตามเป้าหมายจริงๆ ไม่ใช่เวทีของการตบทรัพย์และเรียกรับผลประโยชน์