ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลือง ตามเงื่อนไขเดิมที่เคยบังคับใช้มาก่อนหน้านี้ทุกประการ เพียงแต่ในครั้งนี้ เป็นการอนุมัตินำเข้าแบบปีต่อปี ต่างจากเดิมที่จะอรนุญาติให้นำเข้ารอบละ 3 ปี
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเข้าใจว่า จะต้องนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ แต่ก็ต้องการสร้างหลักประกันให้แก่เกษตรกรให้เกิดความมั่นใจว่า ผู้นำเข้าสัญญาจะรับซื้อผลผลิตในประเทศ ในราคาที่เป็นธรรมด้วย แต่เนื่องจากผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการ ซึ่งไทยต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีละ 3 ล้านตัน, นำเข้ากากถั่วเหลือง ปีละ 2.2 ล้านตัน และนำเข้าปลาป่น ปีละ 3 แสนตัน
อย่างไรก็ดี การนำเข้าจะต้องรักษาสมดุล และดูแลผู้ผลิตอาหารสัตว์ในประเทศควบคู่กันไปด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลือง จะต้องรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในประเทศควบคู่กันไปด้วย ตามราคาที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนด สำหรับการนำเข้ากากถั่วเหลือง ปี 2564-2566 ซึ่งเป็นฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน จะสิ้นสุดการบังคับใช้ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเข้าใจว่า จะต้องนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ แต่ก็ต้องการสร้างหลักประกันให้แก่เกษตรกรให้เกิดความมั่นใจว่า ผู้นำเข้าสัญญาจะรับซื้อผลผลิตในประเทศ ในราคาที่เป็นธรรมด้วย แต่เนื่องจากผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการ ซึ่งไทยต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีละ 3 ล้านตัน, นำเข้ากากถั่วเหลือง ปีละ 2.2 ล้านตัน และนำเข้าปลาป่น ปีละ 3 แสนตัน
อย่างไรก็ดี การนำเข้าจะต้องรักษาสมดุล และดูแลผู้ผลิตอาหารสัตว์ในประเทศควบคู่กันไปด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลือง จะต้องรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในประเทศควบคู่กันไปด้วย ตามราคาที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนด สำหรับการนำเข้ากากถั่วเหลือง ปี 2564-2566 ซึ่งเป็นฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน จะสิ้นสุดการบังคับใช้ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้