นายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจยาสูบในประเทศ นับตั้งแต่มีการปรับโครงสร้างภาษี เมื่อปี 2560-2566 พบว่า ทำให้การยาสูบได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยมียอดขายลดลงจาก 2.8 หมื่นล้านมวน ในปี 2560 เหลือ 1.4 หมื่นล้านมวน ในปี 2566 ขณะที่กำไรต่อซองลดจาก 6.49 บาทต่อซอง เหลือ 0.18-0.30 สตางค์ และมีผลกำไรลดจาก 9,343 ล้านบาทต่อปี เหลือล่าสุด 219 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุมาจากการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ ทำให้ราคาบุหรี่ในประเทศที่ถูกกฎหมายแพงขึ้น ส่งผลให้มีบุหรี่เถื่อนลักลอบเข้ามาแย่งตลาด เพราะราคาถูกกว่า ขายเพียงซอง 20-30 บาท ต่ำกว่าบุหรี่ทั่วไปที่ซอง 65-70 บาท อีกทั้งคนรุ่นใหม่ยังหันไปซื้อบุหรี่ไฟฟ้า วัดได้จากบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกเติบโตขึ้น ร้อยละ 6.4 ต่อปี และที่สำคัญ กลุ่มคนมีรายได้น้อยหันไปสูบยาเส้นทดแทน เห็นได้จากยอดขายยาเส้นมวนเอง เติบโตกว่า 1 เท่าตัว จาก 1.2 หมื่นล้านมวน เป็น 2.8 หมื่นล้านมวน แซงหน้ายอดขายบุหรี่ ที่ขายที่ 2.68 หมื่นล้านมวนไปแล้ว หลังจากวงการยาเส้น มีการพัฒนาเครื่องมวนยาเส้นและใส่ก้นกรองได้เอง ทำให้โดยรวมราคาถูกกว่าบุหรี่ 3 เท่าตัว หลังรัฐบาลมีการตั้งภาษียาเส้นต่ำกว่าบุหรี่หลายเท่าตัว
สำหรับแนวทางต่อไปนั้น การยาสูบฯ เตรียมเสนอรัฐบาล และกรมสรรพสามิต พิจารณาการปรับโครงสร้างยาสูบครั้งใหญ่ เพื่อให้การยาสูบอยู่รอดได้ โดยว่าจ้างนักวิชาการ ศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ให้เป็นธรรม จากปัจจุบันที่มีการเก็บภาษีด้านปริมาณ และมูลค่าอีก 25-42% โดยจะได้ข้อสรุปใน 2 เดือนนี้ รวมถึงการพิจารณาแก้กฎหมาย พ.ร.บ.ยาสูบ เช่น รับจ้างผลิตบุหรี่เพื่อจำหน่ายในประเทศได้ หลังจากโรงงานยาสูบในปัจจุบัน มีกำลังการผลิตเหลือส่วนเกินเหลือจำนวนมาก
ทั้งนี้ สาเหตุมาจากการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ ทำให้ราคาบุหรี่ในประเทศที่ถูกกฎหมายแพงขึ้น ส่งผลให้มีบุหรี่เถื่อนลักลอบเข้ามาแย่งตลาด เพราะราคาถูกกว่า ขายเพียงซอง 20-30 บาท ต่ำกว่าบุหรี่ทั่วไปที่ซอง 65-70 บาท อีกทั้งคนรุ่นใหม่ยังหันไปซื้อบุหรี่ไฟฟ้า วัดได้จากบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกเติบโตขึ้น ร้อยละ 6.4 ต่อปี และที่สำคัญ กลุ่มคนมีรายได้น้อยหันไปสูบยาเส้นทดแทน เห็นได้จากยอดขายยาเส้นมวนเอง เติบโตกว่า 1 เท่าตัว จาก 1.2 หมื่นล้านมวน เป็น 2.8 หมื่นล้านมวน แซงหน้ายอดขายบุหรี่ ที่ขายที่ 2.68 หมื่นล้านมวนไปแล้ว หลังจากวงการยาเส้น มีการพัฒนาเครื่องมวนยาเส้นและใส่ก้นกรองได้เอง ทำให้โดยรวมราคาถูกกว่าบุหรี่ 3 เท่าตัว หลังรัฐบาลมีการตั้งภาษียาเส้นต่ำกว่าบุหรี่หลายเท่าตัว
สำหรับแนวทางต่อไปนั้น การยาสูบฯ เตรียมเสนอรัฐบาล และกรมสรรพสามิต พิจารณาการปรับโครงสร้างยาสูบครั้งใหญ่ เพื่อให้การยาสูบอยู่รอดได้ โดยว่าจ้างนักวิชาการ ศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ให้เป็นธรรม จากปัจจุบันที่มีการเก็บภาษีด้านปริมาณ และมูลค่าอีก 25-42% โดยจะได้ข้อสรุปใน 2 เดือนนี้ รวมถึงการพิจารณาแก้กฎหมาย พ.ร.บ.ยาสูบ เช่น รับจ้างผลิตบุหรี่เพื่อจำหน่ายในประเทศได้ หลังจากโรงงานยาสูบในปัจจุบัน มีกำลังการผลิตเหลือส่วนเกินเหลือจำนวนมาก