นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ระหว่างที่คณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 กำลังประชุมหารือถึงมติค่าจ้างขั้นต่ำ ว่า ตามที่ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการคำนวณอัตราการปรับค่าจ้างขั้นต่ำที่มีการเอาค่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2563 – 2564 ที่มีการระบาดของโควิด-19 มารวมอยู่ในการคำนวณค่าเฉลี่ย ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงปีดังกล่าว เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำมาก ดังนั้น การเอา 2 ปีนั้น มาคำนวณก็ทำให้อัตราค่าเฉลี่ยต่ำลง ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้าง วันนี้จึงมีการประชุมหารือของไตรภาคีอีกครั้ง จะต้องหารือกันถึงรายละเอียดมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะที่ผ่านมามีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำในภาพรวมรายจังหวัด แต่การพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำในรายจังหวัดให้ถึงวันละ 400 บาท คงจะมีผลกระทบกับบางภาคธุรกิจ ตนจึงได้ให้นโยบายผ่านปลัดกระทรวงฯ ว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า จะมีช่องทางลงไปในรายละเอียดถึงระดับอาชีพ ที่สามารถแยกออกไปและสามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้สูงขึ้น ตนมองว่าส่วนนี้ควรนำมาพิจารณา ไม่ใช่การพิจารณาขึ้นรายจังหวัด แต่ให้พิจารณาเป็นรายอำเภอ หรือรายเทศบาล ซึ่งจะเป็นการลงรายละเอียดมากขึ้น เพราะในบางธุรกิจในบางพื้นที่อาจจะไม่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดังนั้นการประกาศค่าจ้างภาพรวม อาจไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการ ดังนั้น ถ้าจะยุติธรรมที่สุดคือ อาจเลือกประกาศรายอาชีพ ฉะนั้นวันนี้ ตนได้ให้ข้อคิดกับปลัดกระทรวงฯ ในฐานะประธานบอร์ดค่าจ้าง แต่ตนในฐานะการเมืองไม่มีสิทธิแทรกแซงหรือชี้นำไตรภาคี แต่สามารถแนะนำฝ่ายข้าราชการได้ ว่าให้คงหลักการในอดีตไว้ แต่ให้ลงในรายละเอียด แต่ทั้งหมดนั้นก็อยู่ที่ข้อสรุปของไตรภาคี
เมื่อถามว่าเป็นการรื้อโครงสร้างของคณะกรรมการค่าจ้าง เพื่อให้มีการพิจารณาเป็นรายอาชีพหรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า วันนี้เรามีเวลาน้อย อาจจะยกมาเป็นบางจังหวัด เช่น จังหวัดที่มีเศรษฐกิจดี หรือรายอำเภอ ไปจนถึงรายอาชีพ
นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นอีกมิติหนึ่งของกระทรวงแรงงานในยุคที่ตนเข้ามาทำงาน และยุคของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่ได้ให้นโยบายมา เราก็คงต้องมารื้อระบบว่า ต่อไปเราคงไม่ประกาศเหมาทั้งจังหวัด แต่อาจจะลงลึกในรายอำเภอ เทศบาลหรือรายอาชีพ เช่นวันนี้ประเทศไทยอัดฉีดการท่องเที่ยว ฉะนั้นสาขาการท่องเที่ยวและบันเทิง ค่าแรงก็ควรจะขึ้นเป็นกรณีพิเศษได้หรือไม่ ตามที่กระทรวงมหาดไทย ประกาศเปิดสถานบริการได้ถึงเวลา ตี 4 ใน 4 จังหวัด ดังนั้น ภาคบริการท่องเที่ยวควรจะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำได้มากกว่าสาขาอื่นหรือไม่ เราต้องหาข้อมูลและทำการศึกษาว่าเป็นไปได้อย่างไร อาจจะเป็นการประกาศปรับในกลางปีหรือปี 2568 ต่อไปได้
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 แถลงผลการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 10/2566 หลังจากที่มีการประชุมครั้งที่ 9/2565 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยึดตามมติเดิมในวันที่ 8 ธันวาคม ส่วนข้อสังเกตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นั้น ทางคณะกรรมการค่าจ้าง เห็นชอบเรื่องนี้โดยจะนำไปพิจารณาปรับสูตรค่าจ้างใหม่ เป็นการปรับสูตรในรอบ 6 ปี ซึ่งวันที่ 17 มกราคม 2566 ตนจะลงนามแต่งตั้งอนุกรรมการปรับสูตรคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ส่วนการปรับค่าจ้างครั้งที่ 2 นั้นจะเป็นช่วงใดก็จะต้องดูตามเวลาดำเนินงาน พร้อมกับดูว่าจะมีไตรภาคีเสนอเรื่องนี้มาหรือไม่ด้วย