นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ โดยระบุว่า หนี้ในระบบมีปัญหาไม่แพ้กับหนี้นอกระบบจนส่งผลกระทบต่อการทำงาน ดังนั้นการดูแลลูกหนี้ในระบบที่ประสบปัญหาจึงถือเป็นวาระแห่งชาติเช่นเดียวกัน โดยแบ่งกลุ่มลูกหนี้ในระบบที่ประสบปัญหา 10.3 ล้านราย ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่มีหนี้เสียกับธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส.จึงให้ธนาคารทั้งสองแห่งให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ ส่วนลูกหนี้ SMEs สถาบันการเงินของรัฐจะเข้าไปช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ SMEs ที่อยู่กับธนาคารของรัฐ
กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่มีรายได้ประจำ แต่มีภาระหนี้เกินศักยภาพการชำระคืนหนี้ เช่น ข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะได้รับการช่วยเหลือผ่าน 3 แนวทาง คือ 1) การลดดอกเบี้ยสินเชื่อไม่ให้สูงจนเกินไป 2.) ต้องโอนหนี้ทั้งหมดไปไว้ในที่เดียวและ 3) บังคับใช้หลักเกณฑ์การตัดเงินเดือน ให้เหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพ
กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น เกษตรกร ลูกหนี้เช่าซื้อ และลูกหนี้ กยศ.จะได้รับการช่วยเหลือ โดยการพักชำระหนี้เป็นการชั่วคราว การลดดอกเบี้ย หรือลดเงินผ่อนชำระในแต่ละงวดให้ต่ำลง และ
สุดท้าย กลุ่มที่เป็นหนี้เสียคงค้างเป็นระยะเวลานาน จะโอนไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินของรัฐ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งจะทำให้การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้เป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น คาดว่ามาตรการนี้จะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มนี้ได้ประมาณ 3 ล้านราย พร้อมขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกันแก้หนี้ทั้งระบบให้จบภายในรัฐบาลนี้