นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ระบุว่า ศัตรูวันนี้ของไทยคือความไม่ถูกต้อง แต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ปากดีเอาแต่ลับลมไม่กล้าขจัดปัญหาให้สิ้นซาก
นายจตุพร กล่าวว่า ปัญหากรณีนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศเป็นโอกาสดีของนายเศรษฐา จะกวาดล้างสิ่งไม่ถูกต้องนี้ให้เกลี้ยง อีกอย่างเรื่องนี้ ยังสะท้อนได้เด่นชัดว่า คนรวยแต่ไม่โกง ไม่เคยมีอยู่จริง โดยมีกรณีศึกษาเจ้าสัวของประเทศหนึ่งไปเปิดกิจการเลี้ยงหมูต้นทุนต่ำที่ต่างประเทศ แล้วนำเข้ามาขายราคาสูงเป็นตัวอย่างให้เรียนรู้การหาประโยชน์เฉพาะตน
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าคิดที่เกิดขึ้นในไทยคือ เมื่อดีเอสไอค้นตรวจสอบหมูเถื่อนที่ห้างสรรพสินค้าแม็กโครแล้วทำไมไม่ค้นห้างสรรพสินค้าโลตัสตามที่กำหนดไว้แต่ต้นด้วย ซึ่งเป็นความไม่ถูกต้องในการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสงสัยว่า ราคาต้นทุนการเลี้ยงหมูต่างประเทศทำไมต่ำกว่าของไทย ดังนั้น ถ้าไทยทำให้ราคาต้นทุนการเลี้ยงต่ำแล้ว รายได้เกษตรกรผู้เลี้ยงก็เพิ่มขึ้นอีกมาก
"นายเศรษฐา ต้องปราบให้จริง เมื่อปากดีเรียกอดีตอธิบดีดีเอสไอคนเก่าไปต่อว่าเรื่องหมูเถื่อนที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนถูกเด้งพ้นตำแหน่งแล้ว คุณต้องปราบหมูเถื่อนให้มันจริงจัง อย่าได้เพิกเฉยและมองกันเพียงปรากฎการณ์ แล้วปั่นกันจนไม่หาโอกาสให้กับประเทศไทยเลย”
นายจตุพร กล่าวถึงการนิรโทษกรรมว่า ในปี 2566 เข้าใจว่า ทักษิณ ชินวัตร คนเดียวได้รับการอภัยโทษเฉพาะราย แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยแสดงความต้องการออก พรบ.นิรโทษกรรม โดยเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมาศึกษาก่อนนำเข้าสภาวาระแรก ซึ่งสะท้อนถึงการนำไปเป็นปัญหาการเมืองมากกว่ามุ่งลดความขัดแย้งในสังคม
"เรื่องนี้ไม่ควรนำมาเล่นการเมืองกันอีก เมื่อทักษิณ คนชั้น 14 เป็นตัวอย่างแสดงถึงความเป็นสองมาตรฐาน กลับมาไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว ก็ควรให้คนอื่นได้เช่นกันรวมทั้งคดี 112 ด้วย ดังนั้น ถ้าเพื่อไทยใจใหญ่พอต้องออกเป็น พรก.(พระราชกำหนด) เพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์เลย”
นายจตุพร กล่าวว่า การจะออกเป็น พรบ.นิรโทษกรรมนั้น ต้องการผลออกมาอย่างไร ถ้าให้เกิดผลสำเร็จเพื่อบ้านเมืองได้เริ่มนับหนึ่งกัน โดยไม่ต้องสร้างความขัดแย้ง หรือมีปัญหาให้เกิดขึ้นใหม่อีก เพราะศัตรูวันนี้เป็นความไม่ถูกต้องของประเทศ”
ประเทศไทยต้องมาก่อน