นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีไปได้ดีเป็น “องคมนตรี” ดังนั้นในอนาคตโอกาสคงยากที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์สุดพิเศษให้หวนย้อนสู่การเมืองอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบนายทหารใหญ่เมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกฯ แล้วได้เป็นองคมนตรี ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานน์ นั้น มีความแตกต่างกัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จากการนำทหารยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ส่วน พล.อ.เปรม เป็นนายกฯในฐานะคนนอกมีพรรคการเมืองสนับสนุน
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นองคมนตรี มีความเห็นเชิงวิเคราะห์หลากหลาย โดยเน้นที่ประเด็นจะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ ถ้านำกรณีศึกษา 4 นายกฯ ที่เป็นองคมนตรีมาพิจารณาแล้ว คือ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร พล.อ.เปรม เมื่อเป็นองคมนตรีแล้ว ไม่ได้ย้อนกลับมาเป็นนายกฯ อีกเลย ซึ่งยกเว้นแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เท่านั้น เมื่อเป็นองคมนตรีแล้ว ได้มาเป็นนายกฯ เมื่อปี 2549 หลังการยึดอำนาจ ซึ่งจัดเป็นนายกฯ ในสถานการณ์พิเศษ
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว เชื่อว่า คงไม่มีสถานการณ์แบบสุดยอดพิเศษทำให้กลับมาเป็นนายกฯ ดังนั้น จึงจัดว่าเป็นการปิดฉากการเมืองและยากจะกลับมาเป็นนายกฯ ในอนาคตได้อีกในสถานการณ์เปิดโอกาสให้โดยปริยาย
"เหตุการณ์การเมืองข้างหน้านั้น ต้องลุ้นนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องมีอันเป็นไปในตำแหน่งนายกฯ และไม่เชื่อว่า นายเศรษฐา จะอยู่ครบ 4 ปี ยิ่งถ้ามีอันเป็นไปแล้ว หากได้อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกฯ คงจะถูกเร่งสถานการณ์ให้เปราะบางจนมีอันเป็นไปอย่างรวดเร็ว”
ส่วนการย้ายอธิบดีดีเอสไอนั้น นายจตุพร เชื่อว่า มีสาเหตุจากการค้นหมูเถื่อนรายใหญ่เจ้าแห่งกิจการหมูของไทย อีกทั้งที่แน่ใจเป็นปัญหาจากหมูเถื่อนเพราะนายเศรษฐา เรียกอธิบดีดีเอสไอมาตวาดด่าเสียงดังที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่องไปสหรัฐ ซึ่งนักข่าวได้ยินกันทุกคน
"วันนี้นายกฯ กลับบอกว่า การย้ายอธิบดีดีเอสไอเป็นเรื่องของ รมว.ยุติธรรม แต่ในวันที่ตวาดด่าเสียงดังที่สนามบินนั้นเป็นเรื่องของใครกัน ของนายกฯ หรือของรัฐมนตรี เพราะการสั่งการของนายกฯ ควรต้องเรียก รมว.ยุติธรรม ไปตำหนิ แต่กลับเรียกอธิบดีดีเอสไอมาตวาดด่า เมื่อทำตามก็ถูกย้ายอีก”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีสั่งการแต่ไม่ปกป้องข้าราชการทำตามคำสั่ง แสดงถึงการบริหารบ้านเมืองด้วยอารมณ์มากกว่ายึดหลักความสมเหตุสมผล และที่สำคัญเมื่อทำตามคำสั่งแล้ว นายกฯกลับไม่รับผิดชอบคำพูดสั่งการของตัวเอง กระทั่งอธิบดีดีเอสไอถูกย้ายยังโยนเป็นเรื่องของ รมว.ยุติธรรม สั่ง
"แล้วนายกฯ สั่งให้ปราบหมูเถื่อน จนข้าราชการทำตามคำสั่ง จะไม่รับผิดชอบได้อย่างไร เมื่อคนรับสั่งให้ทำงานแต่ถูกย้ายจะยังเป็นนายกฯ อยู่ได้อย่างไร ซึ่งคนเป็นนายกฯ ต้องป้องกันคนไปทำตามการสั่งการและต้องกล้าสู้ใน ครม. ต้องตำหนิ รมว.ยุติธรรม ทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะอธิบดีดีเอสไอทำงานตามคำสั่งนายกฯ เมื่อไม่ปกป้องแล้วใครจะนับถือนายกฯ ได้อีก ดังนั้น คำตอบนายกฯ ที่โยนไป รมว.ยุติธรรม จึงฟังไม่ได้”
ส่วนการแจกเงินดิจิทัลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า นายกฯ ย้ำอ้างเหตุต้องแจก เพราะประเทศวิกฤต แต่ที่จริงแล้วตัวนายกฯ คือ ต้นเหตุการวิกฤตที่เข้ามาบริหารประเทศ เพราะไม่เคยยึดมั่นความจริง รวมทั้งมีพฤติกรรมการทำงานเอาแต่พูดโชว์
“บอกแต่ประเทศวิกฤต เร่งด่วน ต่อเนื่อง แต่ยังไม่ส่งคำถามให้กฤษฎีกาตรวจสอบการกู้เงิน 5 แสนล้านบาททำได้หรือไม่ อย่างนี้เร่งด่วนอย่างไร ประเทศมีวิกฤตทำกันแบบนี้ได้เหรอ”
นายจตุพร กล่าวถึงปรากฎการณ์นักโทษพักอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจว่า อุ๊งอิ๊งบอกว่า ทักษิณ อยู่ระหว่างการพักฟื้น ถ้าพักฟื้นจริงต้องกลับไปที่ รพ.ราชทัณฑ์ เพราะ รพ.ตำรวจ มีหน้าที่รักษาโรคนักโทษ ไม่ได้ให้นักโทษพักฟื้น อย่างไรก็ตาม การบอกเช่นนี้สะท้อนถึงสถานการณ์ไม่ปกติ อาจเกิดเหตุการณ์ได้ฉับพลันขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้ เหมือนทะเลเงียบย่อมเกิดคลื่นใหญ่รุนแรงถาโถมและความพังพินาศย่อยยับก็ตามมา
ประเทศไทยต้องมาก่อน