นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับฟังการนำเสนอ เรื่อง “ประเทศเป้าหมายสำคัญสำหรับการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก” โดยก่อนร่วมงานนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมถ่ายรูปกับเอกอัครราชทูตไทยจากทั่วโลกที่ได้เดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่เสียสละเวลามาประชุมร่วมกันใน 2- 3 วันนี้ โดยถือเป็นมิติใหม่ของการทำงานในการทำการทูตเชิงรุกในอนาคต และเชื่อว่าแม้การทำงานจะเจออุปสรรค แต่ถ้าเรามีทัศนคติที่ทำได้ (Can Do Attitud) เชื่อว่าศักยภาพไทยจะได้นำมาเผยแพร่ในเวทีโลกอย่างแน่นอน และการมารวมตัวในวันนี้ถือเป็นช่องทางพูดคุยอย่างเปิดเผย นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ประสงค์และอยากเห็นกระทรวงการต่างประเทศเป็น กระทรวงเกรด A ช่วยผลักดันและเอื้อให้การปฏิบัติหน้าที่ในเวทีโลกให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และอยากให้มีคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำงานช่วยเสริมสร้างศักยภาพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมและรับฟังการนำเสนอ ในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์และฝ่ายส่งเสริมการลงทุนในช่วงเวลา 2 วันที่ผ่านมานี้ ทำให้มีความชัดเจนในนโยบายการทำงาน ทำงานร่วมมือกันในหลายภาคส่วน เพื่อนำศักยภาพของไทยไปสู่เวทีโลก จึงขอชื่นชมแนวทางการจัดประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่ประกอบเป็นทีมไทยแลนด์ และขอฝากอนาคตของประเทศไทยไว้ในมือทุกคนด้วย
ขณะที่นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทุกหน่วยเห็นความสำคัญของการที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เป็นประตูหน้าต่างของประเทศไทย จะนำจุดแข็งและสิ่งดีๆของประเทศไทย ไปให้ชาวโลกได้รับทราบ และนำสิ่งที่ดีๆจากข้างนอกเข้ามาสู่ประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ยังส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นเรื่องเร่งด่วน และจะผลักดันให้เป็นรูปธรรมต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี และนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เน้นย้ำการทูตที่จับต้องได้ กินได้ และให้ถามตัวเองอยู่เสมอว่า สิ่งที่ทำอยู่จะเป็นประโยชน์ใดบ้างต่อประชาชน จะช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างไร