นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลอิสราเอลอนุมัติแลกตัวประกันและหยุดยิงกับกลุ่มฮามาส ว่า ฝ่ายความมั่นคงได้รายงานว่ามีการหยุดยิงประมาณ 4 วัน ก็เป็นช่องว่างที่สามารถลำเลียงตัวประกันออกมาได้ ที่เบื้องต้นเป็นเด็กและสตรี ซึ่งไทยได้ต่อรองผ่านทางกาตาร์ และมีหลายประเทศช่วยอยู่ มั่นใจว่าน่าจะมีข่าวดี ซึ่งเป็นเรื่องของการเตรียมพร้อม
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เป็นความโชคร้ายของประเทศไทยที่เศรษฐกิจยังไม่แข็งแรง ทำให้ประชาชนต้องเสี่ยงชีวิตออกไปทำมาหากิน นำเงินจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อดูแลครอบครัวที่ประเทศไทย แม้จะมีความเสี่ยงมาก พร้อมยืนยันว่า ไม่เห็นด้วย และไม่อยากให้ประชาชนกลับเข้าไปที่อิสราเอล เพราะมีความตึงเครียดในพื้นที่อยู่ และการหยุดยิงก็เป็นเพียงการหยุดยิงชั่วคราวตามคำเรียกร้องของต่างประเทศ ที่อยากให้ตัวประกันถูกปล่อยออกมา รัฐบาลไม่สนับสนุนให้กลับไป แต่หากตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไป ก็ขอให้ดูแลตัวเองให้ดีด้วยความเป็นห่วงจากรัฐบาล
ส่วนจะมีมาตรการเยียวยาสำหรับคนที่กลับไทยมาแล้วและกลับออกไปอีกหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังต้องพิจารณาว่าจะเยียวยาอีกหรือไม่
ขณะที่การมอบนโยบายให้เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ทั่วโลกวานนี้ (21 พ.ย.) นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ แต่พูดถึงนโยบายโดยรวม และได้พูดถึงความตึงเครียดระหว่างประเทศ ดังนั้น การทำงานเชิงรุกจึงเป็นเรื่องสำคัญ และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ รวมถึงการใช้ทรัพยากรของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด การประสานงานระหว่างภาครัฐกับหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทูตพาณิชย์ เจ้าหน้าที่เกษตร โดยเฉพาะบางประเทศที่ลงทุน ส่วนใหญ่เน้นให้เข้ามาลงทุนในไทย แต่ปัจจุบันมีหลายภาคส่วนที่แข็งแกร่งและพร้อมลงทุนในหลายประเทศ ซึ่งสามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศได้ จึงขอให้เปลี่ยนวิธีการคิด แต่ก็ต้องคงไว้ซึ่งการรักษาเกียรติภูมิ ดูแลพระบรมวงศานุวงศ์สูงสุดในการเดินทางไปต่างประเทศ และนำแรงใจไปขับเคลื่อนการทูตและเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก