xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร”มั่นใจแจกเงินดิจิทัลถึงจุดจบแล้ว เชื่อเข้าข่ายผิด ม.53

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ระบุว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ตระบัดสัตย์ไว้แทบทุกเรื่อง ดังนั้น การอ้างสัญญาประชาคมเป็นเหตุผลผลักดันการแจกเงินดิจิทัลให้สำเร็จ จึงเป็นสิ่งที่ขัดแย้งและไม่สมเหตุผล เพราะสัญญาประชาคมย่อมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับคนตระบัดสัตย์ไม่ได้

นายจตุพร กล่าวว่า การทำความเข้าใจโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ต้องเริ่มจากนายเศรษฐา ทวีสิน และพรรคเพื่อไทยปิดฉากหาเสียงที่เมืองทองธานีไว้อย่างไรกรณีแจกเงิน 5.6 แสนล้านบาท (จำนวนตัวเลขเงินแจกขณะนั้น) และสิ่งสำคัญขณะนี้เปลี่ยนเป็นออก พรบ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะอธิบายชี้แจงอย่างไรก็ตาม ต้องให้รายละเอียดอย่างกระจ่างชัดว่า เข้าข่ายความผิดกฎหมายหรือไม่?

นายจตุพร ระบุว่า การกู้เงิน 5 แสนล้านบาท (บวกเพิ่มอีกหนึ่งแสนล้านมาเยียวยาผู้ไม่ได้รับแจกเงิน รวมเป็น 6 แสนล้าน) ตาม ม.53 ของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ปี 2561 รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องชี้แจงด้วยเหตุผล เพราะวันนี้ยังไม่มีใครขัดขวางการแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนเลย แต่สังคมสงสัยสิ่งที่เคยชี้แจงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) .และประชาชนนั้น เป็นการพูดเท็จจนลากมาจนมุม

นายจตุพร เชื่อว่า หลายคนที่ชี้แจงข้อกล่าวหามากมายนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการเงินดิจิทัลด้วย อีกอย่างพวกนางแบกขยับดึงการแจกเงินมาปั่นอารมณ์เป็นเรื่องหยาบคาย ต่ำทราม เพราะคงตอบเนื้อหาเข้าขอบข่ายของกฎหมายไม่ได้ในเรื่องระบุถึงความจำเป็น เร่งด่วน ต่อเนื่อง วิกฤต และทำงบประมาณไม่ทัน

“สิ่งเหล่านี้ตอบไม่ได้เลย รวมทั้งที่เคยชี้แจงกับ กกต. และได้หาเสียงกับประชาชนไว้ แล้วยังพูดแต่ละครั้งไม่ตรงไปตรงมา โกหกซ้ำซาก ดังนั้น น้ำหน้าคนตระบัดสัตย์อย่าพูดถึงสัญญาประชาคม การจะตอบข้อสงสัยของศิริกัญญา ตันสกุล (สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล) ต้องใช้ภูมิปัญญามาหักล้าง ไม่ใช่ด่าด้วยสิ่งหยาบคาบด้วยภาษาอุบาทว์ เพราะสื่อโซเชียลเด็กเข้าถึงและอาจได้ดูด้วย”

นายจตุพร กล่าวว่า การกู้เงิน 5 แสนล้านจะผ่านด่านกฎหมายไปไม่ได้ นอกจากนี้วงในคณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่เห็นชอบให้รัฐบาลออก พรบ.กู้เงิน เพราะผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยคงรับรู้ จึงออกอาการสับสน ชี้แจงข้อมูลขัดแย้งกันหนักขึ้น โดยบางคนบอกยื่นร่างกฎหมายให้กฤษฎีกาตรวจสอบแล้ว แต่บางฝ่ายบอกยังไม่ได้ยื่น และรองนายกฯ ออกมาพูดตามน้ำ เลียบๆเคียงๆ ว่า อยู่ในกระบวนการ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้แสดงถึงการรู้คำตอบจากกฤษฎีแล้วว่า การกู้เงินทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย

"เมื่ออ้างว่า เป็นความจำเป็นเร่งด่วน แล้วทำไมยังเขียนร่างกฎหมายให้กฤษฎีกาตรวจสอบไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากร่างกฎหมายไม่ผ่านกฤษฎีกาถือว่าเป็นการบาดเจ็บทางการเมืองน้อยที่สุด ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยรู้ดีถ้าเรื่องการกู้เงินส่งเข้า ครม. คงมีรัฐมนตรีจากพรรคร่วมลงมติให้ไม่กี่คน และนั่นจะเป็นบาดแผลทางการเมืองที่เจ็บปวดที่สุด"

พร้อมย้ำว่า การกู้เงิน 5 แสนล้าน ถึงที่สุดไม่เข้าข่ายตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ม.53 ยิ่งอ้างเป็นความจำเป็นเร่งด่วนแต่เสนอเป็นพระราชบัญญัติ (พรบ.) จึงเป็นความย้อนแย้งกัน ทั้งที่ความน่าจะเป็นควรเป็นมติ ครม.เสนอเป็นพระราชกำหนด (พรก.) จะสมเหตุสมผลมากที่สุดตามที่พรรคเพื่อไทยอ้างถึงภาวะวิกฤตของประเทศ แต่ที่สำคัญการอ้างความจำเป็นเร่งด่วนกลับไม่เสนอ ร่าง พรบ.งบประมาณปี 2567 ให้สภาพิจารณาก็ยิ่งฟังไม่ขึ้น รวมทั้งการให้สัญญาประชาคมไว้ว่า จะไม่กู้เงิน ต้องยึดมั่นตามสัจจะวาจานี้เอาไว้ แต่คุณกลับมากู้เงิน แสดงถึงการตระบัดสัตย์กับสัญญาประชาคมของตัวเอง

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญในข้อกฎหมายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยควรชี้แจงให้กระจ่างชัด ต้องใช้ปัญญาหลีกหนีจาก ม.53 ให้ได้ โดยนำ พรบ.งบประมาณเข้าสู่สภาให้พิจารณาจนจบกระบวนการก่อน อีกทั้งการกู้เงินต้องออกเป็น พรกฬ จะทำ พรบ.ไม่ได้ เพราะไม่เข้าข่ายความจำเป็นเร่งด่วนที่กฎหมายระบุไว้ ดังนั้น ถ้้าไม่หนีข้อกฎหมายแสดงว่ามีความจงใจที่จะไม่ทำให้การแจกเงินดิจิทัลเกิดความสำเร็จ

"ปัญหามีอยู่ว่า เมื่อทำไม่ได้แล้ว จะลงความผิดที่ใคร นายเศรษฐา ต้องรับผิดชอบ ต้องเป็นเหยื่อสังเวยทางการเมือง ยิ่งลมปากนักการเมืองแก่ๆ จวนนอนโลงกันแล้วยังพูดหาเสียงประกาศไม่ซื้ออาวุธ เพื่อนำเงินมาแจก แล้วทำไม่ได้อีก ซ้ำร้ายยังจะเอาเงินไปเพิ่มซื้ออาวุธให้จีนเสียอีก จึงเป็นคำพูดเท็จ โกหกประชาชน ส่อให้เห็นถึงจุดจบทางการเมือง”

นายจตุพร กล่าวว่า นับจากนี้สิ่งที่ต้องการจะเห็นคือ ความตรงไปตรงมากับประชาชน เพราะที่กระทำมาทุกอย่างผิดปกติหมด นับตั้งแต่ที่มาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แล้วมาดึงรั้งร่าง พรบ.งบประมาณปี 2567 เอาไว้อีก มิหนำซ้ำยังชี้แจงโครงการดิจิทัลไม่ตรงกัน รวมทั้งมาอ้างการสื่อสารผิดพลาดในกรณีให้ตำรวจจีนมาร่วมลาดตระเวณในไทย ซึ่งหากไม่มีคนสั่ง ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคงไม่กล้าพูดชัดเจนเป็นทางการแน่นอน

"ถึงที่สุดแล้ว โครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลเพื่อไทยก็ไม่มีปัญญาแจกเงินหมื่นได้เอง และไม่มีใครไปทำอะไรได้เลย ยิ่งถึงขณะนี้กลับไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่า จะทำได้สำเร็จ”

ประเทศไทยต้องมาก่อน