นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะโฆษกและกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เปิดเผยถึงกรอบเวลาการลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนประกอบการศึกษาแนวทางการทำประชามติ และแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ จะลงพื้นที่อำเภอวานรนิวาศ จังหวัดสกลนคร เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากเกษตรกร กลุ่มแม่บ้าน ท้องถิ่นต่างๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน จากนั้นวันที่ 23 พฤศจิกายน จะไปรับฟังความเห็นกลุ่มอุตสาหกรรม ผู้ใช้แรงงาน และประชาชนในภาคกลาง ที่จังหวัดสมุทรปราการ
วันที่ 28 พฤศจิกายน จะไปรับฟังความเห็นกลุ่มชาติพันธุ์ และประชาชนชาวเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนฟังความเห็นประชาชนที่ภาคใต้และมุสลิมที่จังหวัดสงขลา โดยจะนำความเห็นที่ได้ทั้งหมดมาสรุปเพื่อตั้งคำถาม และเมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯ แล้ว จะทำแบบสอบถามความเห็นประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จาก สส. และ สว. ทั้ง 750 คน แต่ไม่เปิดประชุมรัฐสภานัดพิเศษ คาดว่าจะสรุปความเห็นทั้งหมดที่คณะกรรมการได้รับเสนอที่ประชุมคณะกรรมการฯ วันที่ 22 หรือ 23 ธันวาคมนี้ รวมถึงในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม เพื่อสรุปแนวคำถามและจำนวนครั้งในการทำประชามติ เมื่อขึ้นศักราชใหม่ 2567 จะสรุปความเห็นทั้งหมดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีที่การจัดการออกเสียงประชามติจะไปทับซ้อนกับการจัดการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วย นายนิกร ยอมรับว่า ในการจัดการออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เสร็จ ซึ่งสามารถดำเนินการไปพร้อมกันได้ เพื่อให้ประชาชนใช้สิทธิไปควบคู่กัน และประหยัดงบประมาณ แต่การจัดการออกเสียงประชามติครั้งแรกนั้น ไม่มีปัญหา
ขณะเดียวกัน นายนิกร เปิดเผยถึงปัญหาในพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดการออกเสียงประชามติว่า ในมาตรา 13 ที่กำหนดเงื่อนไขการผ่านประชามติ 2 ชั้น คือ ทั้งเป็นเสียงประชาชนข้างมากที่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือประมาณ 26 ล้านผู้มีสิทธิ และจะต้องได้รับเสียงข้างมากของประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง หรือประมาณ 13 ล้านเสียงด้วย ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ ตนและคณะอนุกรรมการฯ ที่ตนดูแล จะเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่รับทราบในวันที่ 24 พฤศจิกายน เพื่อเสนอให้แก้ปัญหาดังกล่าวนี้ต่อไป โดยอาจจะต้องเสนอเป็นพระราชบัญญัติแก้ไขพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ และพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูป