นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการแบ่งโซนนิ่งที่ได้เข้าหารือนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) คือการเปิดสถานบริการถึงตี 4 ได้เน้นย้ำว่ายังไม่มีการเปิดสถานบริการทั่วไปถึงตี 4 ปัจจุบันสถานบริการจะมีอยู่ 2 แบบ คือ สถานบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย กับสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ สถานประกอบการทั้งหมดในเขตบึงกุ่มไม่มีสถานบริการเลย จะเป็นร้านอาหารที่มีดนตรีและมีขายสุรา แอลกอฮอล์ ร้านเหล่านี้เปิดได้ถึง 01.00 น. ยังไม่ขยายเวลา ส่วนสถานบริการที่ขยายเวลาจะอยู่ในโซนนิ่ง 3 โซน เช่น สีลม พัฒน์พงศ์ อาร์ซีเอ เพชรบุรีตัดใหม่ รัชดาภิเษก และกลุ่มที่ได้รับใบอนุญาตสถานประกอบการก่อน พ.ร.บ.ตัวนี้ มีประมาณ 200 กว่าแห่งในกรุงเทพมหานคร
เรื่องนี้หากกระทรวงมหาดไทยตกลง คงออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวงที่ขยายเวลาให้ถึงตี 4 รวมถึงสถานบริการที่อยู่ในโรงแรมด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถดูแลได้ละเอียดขึ้น และไม่กระทบกระเทือนต่อประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ ในภาพรวมสถานประกอบการร้านค้าต่างๆ อาทิ ย่านทองหล่อ ยังปิดเวลาเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะนี้จะเน้นเป็นสถานบริการซึ่งอยู่ในโซนนิ่งก่อนตามที่กฎหมายกำหนด
พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ ซึ่งกรุงเทพมหานครจะจัดการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ คือ สถานบริการที่มีใบอนุญาตสถานบริการตามมาตรา 3 (1) (2) (3) (4) และ (5) ให้ขยายเวลาถึงตี 4 ส่วนร้านอาหารที่มีดนตรี มีการแสดงดนตรี มีการจำหน่ายสุรา ในที่ประชุมแจ้งว่าอาจจะลดระดับลงมาที่ประมาณตี 2 ในส่วนของกฎหมาย กฎกระทรวง หรือประกาศสำนักนายกฯ ทางฝ่ายรัฐบาลจะเป็นผู้ดำเนินการ กรุงเทพมหานครอนุญาตเฉพาะในส่วนของร้านอาหาร สะสมอาหาร จำหน่ายอาหาร และสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ คือ เรื่องการใช้เสียง การแสดงดนตรี ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการว่าให้เข้มงวดในเรื่องการออกใบอนุญาต และใช้เอไอในการควบคุมการประกอบกิจการ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือที่เรียกว่า “ตีกิน” กับเรื่องของใบอนุญาตสถานบริการ