น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลง 2.50 บาท/ลิตร ว่า การลดราคาให้กับประชาชนเป็นเรื่องที่ดี แต่ควรจะลดราคาในส่วนของแก๊สโซฮอล์ 95 จะเหมาะสมกว่า เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐมีนโยบายในการลดหัวจ่ายน้ำมันลงโดยค่อยๆ ทยอยยกเลิกการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ทำให้ปัจจุบันปั๊มน้ำมันในต่างจังหวัดส่วนใหญ่ไม่ได้จำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 แล้ว จะเหลือเฉพาะในส่วนของกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นหลัก
ทั้งนี้ รัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาต้องการสนับสนุนภาคการเกษตรจึงกำหนดมาตรการส่งเสริมการนำน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพโดยนำเอทานอลที่ผลิตจากกากน้ำตาล (โมลาส) และมันสำปะหลังมาผสมในกลุ่มเบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์ และปาล์มบริสุทธิ์ 100% หรือ B 100 มาผสมดีเซลเป็นไบโอดีเซลจำหน่ายแต่ต้องยอมรับว่าการดำเนินงานดังกล่าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพกลับสูงกว่าน้ำมันพื้นฐานกระทบต่อประชาชนผู้บริโภค หากเป็นไปได้รัฐบาลควรจะกำหนดราคาของผู้ผลิตเอทานอล และ B100 ว่าหากเกินกว่าน้ำมันพื้นฐาน 10% ก็ไม่ควรจะนำมาผสมเพื่อไม่ให้ภาระต้นทุนเหล่านี้ตกมาอยู่กับผู้บริโภคทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ใช้กลุ่มเบนซินที่ปัจจุบันกลายเป็นกลุ่มที่ต้องแบกภาระมากสุดเพราะถูกจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ มาเป็นรายได้และนำไปชดเชยให้กับผู้ใช้ดีเซลที่รัฐตรึงราคาไว้ไม่เกิน 29.94 บาท/ลิตร จนถึงสิ้นปี และเป็นเช่นนี้มาตลอด ดังนั้นภาครัฐควรจะกำหนดแนวทางให้กองทุนน้ำมันฯ มีการแยกบัญชีน้ำมันระหว่างเบนซินและดีเซล และห้ามมีการอุดหนุนข้ามประเภทเพื่อความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค