นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทย ณ เดือนสิงหาคม 2566 รายงานโดย สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะอยู่ที่
11.027 ล้านล้านบาท หรือ คิดเป็น
ร้อยละ 61.78 ของ GDP.
เพดานการก่อหนี้สาธารณะ เดิมกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 60 ของ GDP. แต่ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มีการขยับเพดานหนี้ เป็นร้อยละ 70 มีผล ณ วันที่ 20 กันยายน 2564 โดยใช้อำนาจของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เนื่องจากรัฐบาลในช่วงนั้นมีความจำเป็นต้องกู้เงินมาแจก จากสถานการณ์โควิด
ในการตั้งงบประมาณ ปี 2565 และ 2566 รัฐบาลประยุทธ์ตั้งงบใช้คืนเงินกู้ที่มีประมาณ 10.7 ล้านล้านบาทในขณะนั้น ปีละ 100,000 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่า หากใช้คืนในจำนวนแบบนี้ ต้องใช้เวลา 107 ปี จึงจะคืนเงินต้นได้
ปัจจุบันหนี้สาธารณะ คือ 11 ล้านล้านบาท หากใช้คืนปีละ 100,000 ล้าน ต้องใช้เวลาใช้คืนเฉพาะเงินต้น 110 ปี
เพดานการก่อหนี้ยังกู้ได้อีก เพราะปัจจุบัน ใช้ไปร้อยละ 61.78 ยังเหลืออีกเยอะกว่าจะถึงร้อยละ 70
คนเป็นรัฐบาล คิดได้สองทาง หาทางใช้คืนให้มากขึ้น เพื่อกดตัวเลขให้ไม่เกินร้อยละ 60 ที่เป็นวินัยการเงินการคลังในอดีต
หรือคิดว่า เฮ้ย ยังเหลือเยอะ กู้ได้อีกนี่หว่า กู้มาแจกชาวบ้าน ให้ได้คะแนนนิยม อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เห็นเสียหาย
ความแตกต่างระหว่าง รัฐบุรุษ (stateman) กับ นักการเมือง (politician) อยู่ตรงนี้ ตำรารัฐศาสตร์เขากล่าวเอาไว้