นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานทบทวนมาตรการลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน หลังจากที่ได้ดำเนินการมาแล้วในกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล
ซึ่งจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสูงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีการดำเนินนโยบายเพื่อรับมือราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น รวมถึงบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วในกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล ในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน กระทรวงแรงงานได้เสนอแนวทางการปรับลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน 2 แนวทาง ได้แก่ ให้การช่วยเหลือสำหรับผู้ประกอบอาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยทั้ง 2 แนวทางนี้จะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเดือนละ 95 ล้าน และ 4,000 ล้านบาท ตามลำดับ โดยจากทั้ง 2 แนวทางที่ได้เสนอมาพบว่ายังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร เนื่องจากจุดประสงค์ในการลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน คือ การลดราคาในภาพรวมให้ประชาชนทุกคนได้ประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน จึงเกิดเป็นแนวทางเลือกที่ 3. คือ ลดราคาเชื้อเพลิงเบนซินทั้งระบบ โดยตั้งเป้าว่าลดให้ไม่น้อยกว่าดีเซล แต่ทั้งนี้ต้องหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้งเพื่อให้ได้ตัวเลขที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดจะมีการพูดคุยกันเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างของน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน รวมถึงกฏระเบียบข้อบังคับต่างๆ โดยทางรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องค่าการตลาดอย่างเป็นทางการ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการในเรื่องนี้โดยเฉพาะ รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน จากค่าครองชีพในปัจจุบันที่พุ่งสูงขึ้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ดำเนินการตามแนวนโยบาย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนทุกกลุ่ม โดยนโยบายการลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลต้องการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวจะประชุมกันนัดแรกในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ และคาดว่าจะมีข้อสรุปโดยเร็ว