นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังลงพื้นที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยจากเหตุความรุนแรงในตะวันออกกลาง ว่า เมื่อสักครู่ได้รับแจ้งจากเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า มีเครื่องบินอีกลำรับคนไทยออกมาจากอิสราเอลแล้ว ถือเป็นเรื่องดี แต่ยังมีเรื่องที่น่ากังวลใจอยู่ คือ ชาวไทยบางคนมีชื่ออยู่ในผู้ที่แสดงเจตจำนงเดินทางกลับ แต่ไม่ปรากฏตัว หรือติดต่อไม่ได้ หรือแจ้งความจำนงเปลี่ยนใจ หรือแจ้งว่าออกจากพื้นที่ไม่ได้ เนื่องจากยังมีการยิงจรวดกันอยู่ จึงเป็นส่วนที่ยังมีความกังวล เพราะแสดงว่าความรุนแรงไม่ลดน้อยลงไป
ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามจะจัดเที่ยวบินให้ได้เยอะที่สุด มาไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่พยายามลำเลียงออกมา ทางสถานทูตอิสราเอลก็ช่วยเต็มที่ ที่จะลำเลียงคนออกมาจากจุดสุ่มเสี่ยง
สำหรับกรณีเอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ ประจำประเทศไทยเสนอให้รัฐบาลไทยใช้ความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ดึงอิสราเอลเข้าสู่วงเจรจาสันติภาพกับปาเลสไตน์ เพื่อช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในบริเวณฉนวนกาซา รวมถึงคนไทยด้วยนั้น นายเศรษฐา เชื่อว่าคงมีการเจรจากันอยู่แล้ว พร้อมยืนยันประเทศไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์และได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น หน้าที่ของตนในฐานะนายกรัฐมนตรี คือ ทำให้คนไทยปลอดภัยมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตกค้างอยู่ ได้รับบาดเจ็บ หรือที่น่ากังวลมากกว่านั้น คือ ผู้ที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกัน คงใช้ทุกวิถีทาง ทั้งปาเลสไตน์ หรือประเทศอื่นที่มีความสัมพันธ์ที่ดี เพราะสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคนไทยที่อยู่ที่นั่น