นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของกลุ่มแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอล ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมกับนายภูมิธรรม เวชชัยชัย ช่วงที่รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการมอบหมายหน้าที่แต่ละกระทรวง รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข ได้รับภารกิจ 3 เรื่อง คือ ภารกิจแรก จัดเตรียมความพร้อมของทีมแพทย์ และบุคลากรที่พร้อมจะออกไปช่วยเหลือในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งการมอบหมายหลักเป็นหน้าที่ของแพทย์ทหาร ส่วนกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้สนับสนุน และประสานงานกับกระทรวงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ภารกิจที่ 2 เตรียมความพร้อมในการรองรับแรงงานที่กำลังอพยพกลับมา ในมิติของการตรวจคัดกรองและตรวจสุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยชุดแรกนำไปตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลบำราศนราดูล เนื่องจากมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ที่จะต้องตรวจโดยละเอียด ส่วนชุดต่อมาจะไปตรวจที่ด่านตรวจสุขภาพร่างกายจิตใจที่สนามบิน เพื่อไม่ให้ผู้ที่อพยพกลับมาต้องผ่านหลายขั้นตอนกระบวนการ หากพร้อมกลับบ้านก็จะส่งกลับทันที ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะเป็นผู้ส่งกลับบ้าน ขณะที่กระทรวงแรงงานมีหน้าที่ในการดูแลเยียวยา
ทั้งนี้ แรงงาน 15 คน ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร ได้นำงบประมาณที่จะต้องเยียวยาแรงงาน รายละ 15,000 บาทต่อคน ไปดำเนินการที่นั่น เป็นการแบ่งหน้าที่กันไปของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อคัดกรองแล้ว คนใดมีความจำเป็นที่ต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาเยียวยา ไม่ว่าทางร่างกายหรือจิตใจก็เข้าสู่กระบวนการ เช่น จาก 15 คน มี 2 คนถูกยิงที่ขา ลักษณะของบาดแผลสามารถไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ เป็นความประสงค์ของผู้ป่วยที่อยากกลับบ้าน ที่จังหวัดยโสธรและจังหวัดตาก ส่วนคนอื่นสามารถกลับบ้านได้หมด
ส่วนภารกิจที่ 3 กระทรวงสาธารณสุขจะเยียวยาจิตใจ โดยเฉพาะกรณีกลุ่มรายงานที่สูญหาย และเสียชีวิต จะส่งทีมเข้าไปพบกับญาติในพื้นที่ เพื่อไปประเมินสภาพจิตใจว่ามีระดับความเครียดมากน้อยแค่ไหน อย่างไร