นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "สงคราม" โดยระบุว่า สิ่งที่น่าห่วงคือจะลามไปเป็นสงครามโลกครั้งที่สามหรือไม่ เพราะขณะนี้เริ่มมีการแบ่งข้างประเทศสนับสนุนทั้งสองฝ่ายขึ้นอย่างชัดเจน และแต่ละฝ่ายล้วนมีอาวุธนิวเคลียร์เพื่อเผด็จศึกกันทั้งสิ้น สิ่งนี้จึงยิ่งน่ากังวลมาก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของสงครามจะลุกลามไปถึงขั้นไหน แต่ความขัดแย้งของสองประเทศในครั้งนี้แตกต่างจากสงครามที่เกิดขึ้นในประเทศอิรัก ลิเบีย และอัฟกานิสถาน เพราะประเทศเหล่านี้ถูกโฆษณาชวนเชื่อให้เป็นผู้ร้ายจนผู้คนคล้อยตาม จากนั้นมหาอำนาจจึงบุกรุกปราบปรามด้วยความชอบธรรม ส่วนกรณีปาเลสไตน์กับอิสราเอล เป็นความขัดแย้ง บาดหมางกันมายาวนาน และขณะนี้เริ่มตั้งท่าจะเข้าปะทะห้ำหั่นกันได้ทุกเมื่อ
นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงได้เตรียมพาคนงานไทยกลับประเทศ 3 ชุดจำนวน 235 คน จากแสดงตนจะกลับไทยกว่า 5,000 คน อย่างไรก็ตาม คาดมีคนไทยอยู่ในอิสราเอลถึง 50,000 คน ขณะที่สงครามยิ่งรุนแรงขึ้น จึงแสดงถึงความยากมากที่จะพาคนไทยกลับอย่างมีชีวิตรอดจนครบหน้ากัน มีรายงานทางการจากรัฐบาลระบุมีคนไทยเสียชีวิตแล้ว 20 คน และยังถูกจับเป็นตัวประกันอีกประมาณ 14 คน ดังนั้นจึงคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก
"การเอาคนไทย 5,000 คนกลับนั้น เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่รัฐบาลจะนำกลับมา 235 คน โดยสิ้นสุดในวันที่ 18 ต.ค.นี้เท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนเล็กน้อย ดังนั้น ทุกมิติความพร้อมควรวางแผนให้เป็นระบบ ต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง และควรอุดรูรั่วในสิ่งบกพร่อง รวมทั้งควรแสดงเจตนาดีกับทุกฝ่าย ไม่สะท้อนความรู้สึกใดๆ ในความรัฐที่จะประณามใคร หรือออกอาการรัก ชังประเทศใดก็ไม่ได้ด้วย เพราะเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง"
นายจตุพร กล่าวว่า ไทยไม่ควรคลายกังวลกับสถานการณ์ที่ส่อจะขยายปัญหาเพิ่มขึ้น ดังนั้น นายกฯ ควรหารือกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อให้รู้ว่า ไทยอยู่ในสถานการณ์ใดอย่างเข้าใจความเป็นจริง อีกอย่าง ความเป็นนายกฯ ต้องคิดใหญ่เพื่อพาชาติและคนไทยในอิสราเอลให้รอดหากสถานการณ์สงครามบานปลายขึ้น เพราะทุกคนมีความหมายกับครอบครัวในไทยจึงต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้
ประเทศไทยต้องมาก่อน