หลังจากที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเตือนประชาชนถึงการระบาดหนักของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H1N1, H3N2 และสายพันธุ์ B ที่ระบาดรุนแรงในหลายจังหวัด โดยได้เร่งให้มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงและเตรียมขยายอายุการได้รับสิทธิฉีดวัคซีนในเด็กจากอายุ 6 เดือน – 2 ปี เป็น 5 ปีนั้น ล่าสุด ได้มีประชาชนร้องเรียนมายังกระทรวงสาธารณสุข ถึงประเด็นยาปลอมระบาดหนักในภาคเหนือ โดยเฉพาะยาโอเซลทามิเวียร์ ที่ใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ โดยมีกระแสข่าวว่าขาดแคลนยาดังกล่าวอย่างหนัก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข่าวดังกล่าว ทั้งสถานการณ์การขาดแคลนยาโอเซลทามิเวียร์ และปัญหายาปลอมระบาด ยืนยันว่า ไม่ได้มีการขาดแคลนยา
โดยขณะนี้องค์การเภสัชกรรมได้เร่งการผลิตยาโอเซลทามิเวียร์ขนาด 30 และ 45 มิลลิกรัม ได้อย่างเพียงพอ และกระจายไปยังสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว ส่วนยาโอเซลทามิเวียร์ขนาด 75 มิลลิกรัม คาดว่าจะสามารถผลิตได้อย่างเพียงพอภายในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นทางเลือกในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ส่วนประเด็นยาปลอมที่มีการร้องเรียนว่าระบาดหนักในภาคเหนือมีการขายในราคาแพงนั้น นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย แต่มีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่ง อย. ได้สืบหาข้อมูลและเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการปราบปราม รวมถึงดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยยาโอเซลทามิเวียร์ที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ขณะนี้มียี่ห้อทามิฟลู (TAMIFLU) ขนาด 75 มิลลิกรัม ของบริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด และยาจีพีโอ-เอ-ฟลู (GPO A-FLU) ขนาด 30 45 และ 75 มิลลิกรัมขององค์การเภสัชกรรม
สำหรับยาโอเซลทามิเวียร์จัดเป็นยาควบคุมพิเศษสามารถใช้เฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น ผู้ป่วยควรได้รับการวินิจฉัยและตรวจรักษาจากแพทย์เพื่อรับยาโอเซลทามิเวียร์ตามแพทย์สั่งเท่านั้น ไม่ควรซื้อยาด้วยตนเองตามร้านขายยาหรือช่องทางอื่นๆ เพราะอาจได้รับยาที่ไม่ปลอดภัย และยังมีราคาแพงมากอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถสังเกตยาปลอม โดยให้สังเกตเลขทะเบียนยาบนฉลากยา และตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือสายด่วน อย. 1556 ตลอด 24 ชั่วโมง