ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักเศรษฐศาสตร์โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า สาเหตุและที่มาของสงครามในอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
เนื่องจากในปี1947 สหประชาติ ( UN ) แบ่งปาเลสไตน์ออกเป็นสองส่วน คือส่วนหนึ่งเป็นของชาวยิว(อิสราเอล)และอีกส่วนเป็นของชาวอาหรับ(ปาเลสไตน์)
ชาวยิวเป็นชนชาติที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ในสมัยก่อนแผ่นดินของอิสราเอลอยู่ติดใกล้สามทวีปคือ เอเชีย แอฟฟริกา และยุโรป ด้วยภูมิศาสตร์ของดินแดนนี้จึงทำให้อิสราเอลได้รับผลกระทบจากการยึดอำนาจต่างๆอยู่ตลอด
ชาวยิวจึงต้องจำใจอพยพไปที่ส่วนอื่นๆของโลก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังต้องการที่จะกลับมายังแผ่นดินเกิด กลับมาที่เยรูซาเล็ม เมืองที่เป็นศูนย์ศรัทธาอันศักสิทธิ์ของตัวเองให้ได้ดังเดิม
แต่เพราะว่ามันผ่านมาหลายยุคมากๆ ผ่านมือจักวรรดิต่างๆ ทั้งหลายเชื้อชาติ หลายศาสนา ยกตัวอย่างเช่น กรีกกับโรมัน ทีนี้เยรูซาเล็มก็เลยกลายเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของคนที่นับถือสามศาสนา ( ยูดาห์ ,อิสลาม , คริสต์ ) ไปโดยปริยาย
เหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญมากเลยคือตอนสงครามโลกครั้งที่1 เยรูซาเล็มถูกมหาจักรวรรดิออตโตมันปกครอง ( จักรวรรดิออตโตมันในเวลาต่อมาคือตุรกีในปัจจุบัน ) และจักรวรรดินี้ได้ทำการตั้งชื่อดินแดนที่ตั้งของเมืองเยรูซาเล็มและพื้นที่รอบๆเยรูซาเล็มว่า“ ปาเลสไตน์ ”
ชาวยิวอยากได้พื้นศักดิ์สิทธิ์ที่คืนมากๆ โดยตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทางอังกฤษสัญญากับชาวยิวว่าถ้าหากชาวยิวมาช่วยรบแล้วชนะจะมอบดินแดนปาเลสไตน์ให้ ซึ่งชาวยิวก็รับปากตกลงโดยไม่มีข้อกังขา ซึ่งพอจบสงครามและอังกฤษที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรชนะก็ทำตามสัญญาไว้จริงๆ เพราะว่าตอนจบสงครามโลกครั้งที่1 แล้ว จักรวรรดิออตโตมันก็ล่มสลายลง อังกฤษก็อนุญาตให้ชาวยิวเข้าไปอยู่ในปาเลสไตน์ แต่เพราะสัญญานี้เลยทำให้คนอาหรับที่อยู่มาหลายปี ( เสมือนเจ้าถิ่น ) ไม่พอใจเพราะชาวยิวเป็นพวกต่างศาสนา ก็เลยสู้กันมานับแต่นั้น
พอตอนปี 1947 UN ก็มีมติแบ่งปาเลสไตน์ออกเป็นสองส่วนก็คือยิวและชาวอาหรับ โดยให้เยรูซาเล็มเป็นศูนย์กลาง ไม่ขึ้นตรงต่อการครอบครองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หลังจากตกลงกันUN ชาวยิวก็ประกาศเอกราชตั้งชื่อเป็นประเทศอิสราเอลในปี 1948 แต่ปาเลสไตน์ไม่เห็นด้วยเพราะตัวเองอยู่มาตั้งนาน
อิสราเอลกับอาหรับก็เลยทำสงครามกันอีก แต่อิสราเอลก็ชนะ และพื้นที่ฉนวนกาซาาก็เป็นแผ่นดินที่ไม่มีเจ้าของ ด้วยเหตุแพ้นี้และประกอบกับมวลเหตุหลายอย่างๆ ชาวปาเลสไตน์ก็ยิ่งยากลำบากกว่าเดิมจนเหมือนตัวเองจะไร้แผ่นดินอยู่ ก็เลยเกิดองค์การ PLO ขึ้นของปาเลสไตน์เพื่อเรียกร้องแผ่นดินคืน
สุดท้ายกลายเป็นสงครามที่มีชื่อว่า " สงคราม 6 วัน " เพราะอิสราเอลสามารถชนะปาเลสไตน์ได้ภายใน 6 วัน จนสุดท้ายต้องยอมรับถูกแบ่งดินแดนของ UN เหมือนเดิม
ชาวปาเลสไตน์ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเบี้ยล่าง จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึง เมื่อรถถังของกองทัพอิสราเอลชนทับรถขนคนงานชาวปาเลสไตน์จนเสียชีวิต4คน ชาวปาเลสไตน์จึงไม่ยอมทนและลุกขึ้นมาสู้จนเกิดเหตุการณ์ Intifada ครั้งที่ 1 ทำให้ชาวอิสราเอลเสียชีวิตในครั้งนี้ 277 คน และชาวปาเลสไตน์ 1962 คน
จนกระทั่งท้ายที่สุด ชาวปาเลสไตน์คิดว่าองค์การ PLO ไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้วเพราะมันประนีประนอมเกินไป จนได้มีการก่อกลุ่มขึ้นมาใหม่ โดยกลุ่มนั้นก็คือกลุ่มฮามาสนั่นเองค่ะ โดยเป้าหมายของกลุ่มฮามาสคือทำลายล้างชาวอิสราเอลให้สิ้นซาก ไม่มีอ่อนโยนเหมือนองค์การ PLO
กระทั่งเหตุการณ์บานปลายที่ทำให้มาถึงจุดนี้คือเหตุการณ์สำคัญที่มีชื่อว่า Intifada ครั้งที่ 2 เนื่องจากผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอลเข้าไปเยี่ยมชมมัสยิดอัลอักซอของเยรูซาเล็ม ทำให้ชาวปาเลสไตน์ไม่พอใจและคิดว่าเป็นการดูหมิ่นศาสนา จึงเกิดการปะทะกันขึ้นจนจบ Intifada ครั้งที่ 2
แต่เหตุการณ์สงบไปพักหนึ่งเพราะกลุ่มฟาตะห์ ( PLO ) แพ้การเลือกตั้งภายในให้กับกลุ่มฮามาสตอนปี 2006 จากนั้นก็มีสงครามกลางเมือง แต่กลุ่มฮามาสก็ชนะและเป้าหมายคือฆ่าล้างชาวอิสราเอลต่อ
จนกระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ 1 สัปดาห์ก่อนมีการปะทะกันที่มัสยิดอัลอักซอ ตำรวจอิสราเอลใช้ระเบิดแสงกับกระสุนยางเข้าทำร้ายชาวปาเลสไตน์ที่กำลังประกอบพิธีทางศาสนา ชาวปาเลสไตน์บาดเจ็บประมาณ 300 คน
เพราะเหตุนี้เอง กลุ่มฮามาสก็เลยไม่ยอมทน จึงตัดสินใจตอบโต้อิสราเอลโดยการยิงขีปนาวุธ และบอกทางฝั่งอิสราเอลว่าสมควรโดนแล้วเพราะมาบุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เอง
สถานการณ์ตอนนี้แบ่งเป็นสามฝ่ายก็คือ 1.สหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนอิสราเอล ( เพราะอิสราเอลเป็นพันธมิตรหลักของNATO ) 2. อังกฤษยังคงวางตัวเป็นกลางและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายประนีประนอมกัน และ 3.ฝ่ายที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสในตอนนี้ที่ได้รับการยืนยันคือ อิหร่านและรัสเซีย
การทำร้ายและสังหารผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นจากฝ่ายใดก็ตาม สมควรถูกประณามและไม่สมควรให้อภัย ไม่ว่าจะร้อยพันเหตุผลอย่างไรก็ไม่สามารถอ้างสิทธิ์ได้ และผิดอาญาสงครามด้วย