การประชุมวุฒิสภา มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม วาระการพิจารณากระทู้ถามนายสุวัฒน์ จิรพันธ์ ส.ว. ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาท ซึ่งไม่อยากพูดถึงผลกระทบการการแสดงออกที่บางครั้งเร็วเกินไปและมีพี่น้องชาวไทยอยู่ในการควบคุมของกลุ่มฮามาส พร้อมทั้งอยากทราบถึงช่องทางในการติดต่อหรือความพยายาม หาทางช่วยเหลือคนไทย ในการรับพี่น้องชาวไทยร่วม 30,000 คน
นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบกระทู้ถามโดยยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญการดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศ ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส โดยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและวางตัวเป็นกลางระหว่างปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวมาตลอด โดยสนับสนุนแนวทางสองรัฐตามแนวทางที่มีรัฐอิสราเอลและรัฐปาเลสไตน์อยู่คู่กัน เป็นไปตามความตกลงระหว่างประเทศ และข้อตกลง UNSC และที่เกี่ยวข้อง เห็นความจำเป็นที่รัฐบาลอิสราเอลและรัฐบาลปาเลสไตน์ต้องเจรจากัน เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อความมั่นคงและสันติภาพที่ยั่งยืน รัฐบาลเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนและสันติ ซึ่งจะบรรลุได้ด้วยกรเจรจาอย่างสันติเท่านั้น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะตระหนักถึงความสำคัญของการเจรจา ซึ่งจะเป็นการรักษาโอกาสบรรลุข้อตกลงอย่างสันติ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับการประณามความรุนแรงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งมีคนไทยที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกลักพาตัว ขณะนี้การปกป้องดูและความปลอดภัยของคนไทย และการนำคนไทยกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยในโอกาสแรกที่ทำได้ เป็นภารกิจที่มีความสำคัญลำดับต้นของรัฐบาล
ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลอิสราเอลและปาเลสไตน์ และทุกส่วนมี่เกี่ยวข้อง ตระหนักถึงสันติภาพ ความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในการปล่อยตัวชาวไทยที่ถูกจับกุมกลับออกมาอย่างปลอดภัย รัฐบาลกำลังเจรจากับรัฐบาลปาเลสไตน์และอียิปต์ เพื่อช่วยคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ โดยเตรียมเครื่องบินที่จะอพยพชาวไทยที่อยู่ในปาเลสไตน์ จำนวนแรงงานที่มีอยู่กว่า 30,000 คน การจะจัดการขนส่งตั้งแต่ภายในประเทศในทางบกก็วางแผนกันไว้แล้ว ถ้าสนามบินที่อิสราเอลสามารถนำเครื่องลงได้ก็จะนำเครื่องลงที่นั่น แต่หากไม่ได้ก็จะไปทางประเทศรอบๆ เช่น จอร์แดนหรือบาห์เรน ส่วนช่องทางการติดต่อ กระทรวงการต่างประเทศได้เปิดช่องทาง hotline และที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล และที่กระทรวงการต่างประเทศก็เปิดคู่สายไว้ทั้งหมด ขอขอบคุณช่องทางของ ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ส่งข้อมูลของผู้เดือดร้อนมาเช่นกัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้รับเรื่องและกำลังประสานให้ความช่วยเหลือแล้ว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมรับข้อเสนอของ ส.ว. ที่แนะนำว่าให้พูดคุยเจรจากับทางอาเซียน รวมทั้งเพื่อนบ้านในแถบอิสราเอล เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการต่างประเทศ คำนึงถึงการลงทุนและการค้าในอนาคตด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโนบายหลักของนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันในสภาฯ นี้ว่าจะดำเนินการทุกวิถีทาง ทุกหน่วยงานที่สามารถทำได้ในการพาคนไทยทุกคนกลับมา แม้จะมีถึง 30,000 คน เป็นจำนวนที่มาก แต่เราได้คุยกับทั้งทางกองทัพและภาคเอกชนเพื่อจะให้มีช่องทางพาคนไทยทุกคนกลับมา