นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน และพรรคเพื่อไทยทำอวดดีใส่นักวิชาการกว่าร้อยคนที่คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท ดังนั้น นายกฯ ถ้ามั่นใจว่า เป็นนโยบายที่ดี ก็ควรกล้าแจกเงินในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งไม่ต้องรอถึงเดือนกุมภา
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อสองอดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อดีต รมต.คลัง และนักวิชาการกว่า 100 คนคัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต โดยแต่ละคนมีประวัติรักชาติบ้านเมือง และไม่มีปัญหากับรัฐบาลและนายกฯ ดังนั้น ควรรับฟัง ไม่แสดงอาการอวดดีออกมาตอบโต้
นายจตุพร ระบุว่า สิ่งสำคัญพรรคเพื่อไทยกลับไม่นำทีมด้านการเงิน การคลังมาชี้แจงนโยบายแจกเงินดิจิทัลให้เป็นระบบ คงเป็นเพราะกระดูกทางด้านการเงิน การคลังยังอ่อนอยู่ แม้นายกฯ มีชื่อต่างชั้นสู้อดีตผู้ว่า ธปท. ไม่ได้ แต่ให้นักการเมืองมาอธิบายทางการเมือง แล้วอ้างประชาชนต้องการ โดยไม่ใส่ใจจะก่อปัญหาผลกระทบโครงสร้างของประเทศ
“ยิ่งเพื่อไทยเหน็บแนมนักการวิชาการไม่เคยค้านรัฐบาลทหาร ซึ่งในเรื่องนี้เพื่อไทยไม่มีสิทธิ์อ้าง เพราะทหารยึดอำนาจ เขียน รธน. 2560 ได้ช่วยให้เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ทั้งที่ตระบัดสัตย์ต่อประชาชนในช่วงการหาเสียง”
นายจตุพร กล่าวว่า นักวิชาการยกเหตุผล 7 ประเด็นไม่ควรแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท โดยมีความเห็นถึงเศรษฐกิจประเทศขณะนี้กำลังฟื้นตัว ดังนั้น มาตรการกระตุ้นยังไม่จำเป็น สิ่งสำคัญการใช้งบมหาศาลมาแจกเงินย่อมทำให้สูญเสียงบลงทุนพัฒนาโครงการพื้นฐาน
นอกจากนี้ นักวิชาการไม่มั่นใจว่า การทุ่มงบ 5.6 แสนล้านบาท เพื่อให้จีดีพีขยายตัวย่อมเป็นความหวังเกินจริง ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อดอกเบี้ยอยู่ช่วงขาขึ้นจะทำให้ไทยมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น พร้อมเสนอแนะให้รัฐบาลลดหนี้การคลังเพื่อลดวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นการสร้างความไม่เป็นธรรมในสังคม และเหตุผลสุดท้ายคือ ไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยการเตรียมตัวด้านการคลังเป็นสิ่งจำเป็น
“เหตุผลทั้ง 7 ประเด็นนั้น รัฐบาลปล่อยให้นักการเมืองเพื่อไทยที่อ่อนหัด ไม่มีความชำนาญการด้านการเงิน การคลังโต้ตอบนักวิชาการ ถ้านายกฯ มีวุฒิภาวะเป็นผู้นำแล้ว ต้องไม่มองอดีตผู้ว่า ธปท.เป็นพวกมีปัญหา เพราะทักษิณ ชินวัตร เคยประณามรัฐบาลแจกเงินว่า ปัญญาอ่อน เพราะคนมีปัญญาไม่แจกเงินกัน ต้องนำเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจจะดีกว่า นักวิชาการก็เตือนรัฐบาลเช่นเดียวกับทักษิณประณามพวกแจกเงิน”
นายจตุพร เชื่อว่า นายเศรษฐาไม่กล้าแจกเงินดิจิทัล พร้อมเสนอให้นักการเมืองเพื่อไทยและนายกฯ เปิดทำเนียบรัฐบาลเชิญนักวิชาการคัดค้านการแจกเงินดิจิทัลไปแลกเปลี่ยนกันให้กระจ่าง นอกจากนี้ยังถามว่า นายกฯ กล้าหรือไม่ หรือกลัวที่จะเผชิญหาแสดงความเห็นกับสองอดีต ผู้ว่า ธปท.
"แน่จริงก็แจกเงินเลย อย่าเลิกเด็ดขาด ยิ่งนักวิชาการและอดีตผู้ว่า ธปท.ออกมาเตือน หากรัฐบาลไม่ฟังก็ไม่เป็นไร ก็ทำเลย จะรอไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ทำไม นายกฯ กล้าหรือเปล่า อย่าอวดดีแล้วลังเลใจ หากแน่จริงทำเลย แจกเลยในเดือนตุลาคม ไม่ต้องรอถึงเดือนกุมภาหรอก”
นายจตุพร กล่าวว่า การแจกเงินดิจิทัลให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป ทำให้คนบางกลุ่มที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีได้รับแจกเงินด้วย จึงไม่เป็นธรรม โดยยกการแจกที่ดิน สปก. มาเปรียบว่า ยังแจกให้เฉพาะคนจนเป็นเกษตรกรยากจนไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งคนรวยไม่มีสิทธิ์ได้รับ แต่การแจกเงินดิจิทัลได้ทุกคน ทำให้ประเทศเป็นหนี้ แล้วที่สุดปลายทางของเงินแจกก็ไหลไปสู่กระเป๋าเจ้าสัว จึงเป็นผลประโยชน์ซ่อนเงื่อน
นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองช่วงนี้ละเอียดอ่อนจะทำให้เกิดปัญหาทับถมเร่งความร้อนแรงขึ้น ทั้งปัญหาการแจกเงินดิจิทัล แล้วการแก้ รธน.ที่ยื้อเวลาไปนานถึง 3 ปีกว่า มิหนำซ้ำสัญญาเก็บค่ารถไฟฟ้า 20 บาทก็ทำไม่ได้ทุกสาย แต่มีเพียงสายเดียวเท่านั้น ดังนั้น เมื่อถูกชำแหละสิ่งเหล่านี้แล้วจะนำไปสู่สถานการณ์รุนแรงที่คาดไม่ถึง
"เงินดิจิทัลหมื่นบาทถ้าไม่รีบแจกในปีนี้ อาจจะไม่ได้ทำ เพราะจะมีเรื่องอื่นเข้ามาเป็นปัญหา หากนายกฯ มั่นใจก็อย่าชักช้า ทำเลย และหากเพื่อไทยอวดดีกับนักวิชาการก็ประกาศท้าทายเลย อย่ากลัว แล้วคงจะหาที่ยืนยาก”
ประเทศไทยต้องมาก่อน