นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้กำลังหารือกับผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้าในหมวดสำคัญๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อร่วมมือกันลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ตามนโยบายรัฐบาลในการลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้ ซึ่งทางภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ก็ยืนยันที่จะให้ความร่วมมือเต็มที่ที่จะช่วยลดราคาสินค้าตามโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปรับลดค่าไฟฟ้า และพลังงานไปแล้ว โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมรายการสินค้า และพยายามจะนำมาลดราคาให้ได้มากที่สุด
ส่วนจะลดราคาสินค้าได้กี่รายการ มีส่วนลดมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งกรอบเวลานั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตรียมจะประกาศดีเดย์ลดราคาพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 2 ตุลาคมนี้
นอกจากนี้ สถานการณ์ราคาสินค้าส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยข้าวเปลือกทุกชนิดเท่ากับสัปดาห์ก่อน เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,800 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานีตันละ 13,700 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 12,350 บาท และข้าวเหนียว ตันละ 15,300 บาท ส่วนราคามันสำปะหลัง ปรับขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 บาท 45 สตางค์ เช่นเดียวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรับขึ้น 5 สตางค์ จากกิโลกรัมละ 10 บาท 20 สตางค์ ในสัปดาห์ก่อน เป็นกิโลกรัมละ 10 บาท 25 สตางค์ ปาล์มน้ำมัน ก็ขยับสูงขึ้นเฉลี่ย 5 บาท 35 สตางค์ – 5 บาท 70 สตางค์ โดยเฉพาะปาล์มน้ำมันคุณภาพ เกษตรกร ขายได้สูงถึงกิโลกรัมละ 6 บาท แต่ราคาน้ำมันปาล์มขวด อ่อนตัว อยู่ที่ขวดลิตรละ 45 บาท และหลายห้างยังจัดโปรโมชั่น จำหน่ายเพียงขวดละ 42 บาท ขณะที่เนื้อหมู ราคายังทรงตัวต่ำ กิโลกรัมละ 128-130 บาทต่อกิโลกรัม และไข่ไก่ เริ่มปรับราราลงแล้ว เฉลี่ยที่ฟองละ 4 บาท 28 สตางค์
ส่วนราคาผัก แม้จะใกล้ช่วงเทศกาลกินเจ แต่หากเทียบราคากับปีที่แล้ว ถือว่าถูกกว่ามาก เช่น คะน้า กิโลกรัมละ 37 บาท 30 สตางค์ จากปีก่อนสูงถึงกิโลกรัมละ 45 บาท ถั่วผักยาว ประมาณกิโลกรัมละ 41 บาท จากปีที่แล้ว 46 บาทผักกาดขาว อยู่ที่กิคละ 33 บาท 80 สตางค์ จากปีก่อนหน้าที่กิโลกรัมละ 39 บาท พริกขี้หนู กิโลกรัมละ 76 บาท จากปีที่แล้ว 102 บาท และต้นหอม กิโลกรัมละ 76 บาท จากปีที่แล้ว 107 บาท ถือว่าปีนี้ ราคาผัก น่าจะดีกับประชาชนที่กินเจ เป็นต้น