หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 3 ปีไม่รอลงอาญา นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กรณีความผิดฐานมาตรา 157 จับกุมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แล้วละเว้นไม่นำตัวผู้ต้องหาไปส่งพนักงานสอบสวน ล่าสุด นายชัยวัฒน์ ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 800,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ขอบคุณที่ศาลเมตตาให้ประกันตัว และขอบคุณทีมทนายความ วันนี้ศาลไต่สวนและพิจารณาสำนวนทั้งหมดด้วยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ข้อเท็จจริงทั้งหมดที่กล่าวหาว่าตนกับพวกไปเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายบิลลี่ ซึ่งที่ผ่านมา ตนยืนยันมาตลอดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายบิลลี่
ในส่วนของมาตรา 157 ที่ละเว้นไม่นำตัวผู้ต้องหาไปส่งพนักงานสอบสวนนั้น นายชัยวัฒน์ระบุว่า โดยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ทั่วไป มีความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดตามมาตรา 157 กันทุกคน เพราะว่าเจ้าหน้าที่พยายามจะอยู่กับชุมชนโดยไม่ขัดแย้งกับชาวบ้าน โดยเฉพาะตนไม่เคยจับกุมชาวบ้านจากหมู่บ้านบางกลอยเลย อย่างคดีนายบิลลี่ เป็นการจับกุมเรื่องน้ำผึ้งป่า ซึ่งตามกฎหมายเดิมจะไม่อนุญาตให้ชาวบ้านนำของป่าออกไปขายได้ แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงกฎหมายใหม่แล้ว ให้สิทธิ์ราษฎรทำกินได้ เก็บของป่าได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนจึงต่อสู้ในประเด็นนี้ แต่ก็เข้าใจที่ศาลมีคำตัดสินออกมาเช่นนี้ เพราะข้อกฎหมายกับหลักปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่นั้น ทำให้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง จึงถือว่าเป็นกรณีตัวอย่างให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯทุกคน อย่าท้อกับสิ่งที่ปฏิบัติอยู่ เพราะผู้พิทักษ์ป่าทุกคน ปกป้องป่า ดูแลสัตว์ป่า ดูแลน้ำ เพื่อคนทั้งประเทศ ซึ่งตนก็มีความหวังว่าในชั้นอุทธรณ์ ศาลฯ จะเมตตาขอให้เจ้าหน้าที่อย่างตนมีที่ยืนในสังคมบ้าง
นายชัยวัฒน์ ย้ำว่า ตนไม่มีเจตนาที่จะไปทำร้ายใคร และตนไม่เคยจับกุมกลุ่มชาติพันธุ์แม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งคนที่ไปทำร้ายป่าที่ตนดูแลจนสภาพยับเยินก็ตาม และในคดีนี้ตนยังมีโอกาสต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป