นายอาริส ดาคาเนย์ นักเศรษฐศาสตร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า ได้ประเมินการขาดดุลทางการคลังในปีงบประมาณ 2567 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.4 ของจีดีพี จากเดิมที่คาดไว้ ร้อยละ 4.1 และลดการคาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 ลงเหลือร้อยละ 2.2 ของจีดีพี เดิมคาดร้อยละ 2.8 เนื่องจากพรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท และคาดว่าจะเร่งทำในช่วงครึ่งปีแรกปี 2567 ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่ม แต่ความเสี่ยงคือธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)อาจจะกลับมาใช้นโยบายแบบเข้มงวดหรือขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด
ทั้งนี้ แม้นักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังรอจับตาดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ก่อน เพราะอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่วุฒิสภาจะไม่มีอำนาจในการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี โดยอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นจะอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎรเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งในสภาล่างนี้ พรรคก้าวไกลที่เป็นฝ่ายค้านเป็นพรรคที่มีจำนวนที่นั่งมากที่สุด ดังนั้นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทยอาจจะต้องเลือกดำเนินนโยบายต่างๆ ที่สัญญาไว้ในขณะหาเสียงก่อนถึงวันที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับรัฐบาล
ทั้งนี้ แม้นักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังรอจับตาดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ก่อน เพราะอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่วุฒิสภาจะไม่มีอำนาจในการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี โดยอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นจะอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎรเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งในสภาล่างนี้ พรรคก้าวไกลที่เป็นฝ่ายค้านเป็นพรรคที่มีจำนวนที่นั่งมากที่สุด ดังนั้นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทยอาจจะต้องเลือกดำเนินนโยบายต่างๆ ที่สัญญาไว้ในขณะหาเสียงก่อนถึงวันที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับรัฐบาล