xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร”เผยคุก-รพ.ตำรวจ มีกล้องวงจรปิดเฝ้ามอง เชื่อถ้าป่วยหนักจริงภาพจะปรากฏ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออนไลน์ไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "สุดยอด..." โดยฉายภาพชีวิตนักโทษในเรือนจำทุกขั้นตอน ว่า ทุกกิริยาถูกเฝ้ามองและควบคุมจากกล้องวงจรปิดภาพคมชัด ยิ่งคนป่วยจะถูกบันทึกการรักษาและพาส่ง รพ.ตำรวจละเอียดยิบ ดังนั้นความลับจึงไม่มี เชื่อหากป่วยการเมือง ไม่นานความจริงจะปรากฏด้วยภาพถ่ายมัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด

นายจตุพร กล่าวว่า สังคมเริ่มติดใจสงสัยว่า ทักษิณ ชินวัตร ป่วยการเมืองหรือป่วยจริง เพราะเมื่อวันกลับมาไทยถึงสนามดอนเมือง แกนนำพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ระบุชัดเจนมีสุขภาพแข็งแรงมาก แต่คนไทยเพิ่งรู้ว่าป่วยด้วยโรคเปราะบางเมื่อถูกนำตัวเข้าคุกและกรมราชทัณฑ์แถลงพบเป็น 4 โรคส่อวิกฤต คือ โรคหัวใจ ปอด ความดันโลหิตสูง และหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งสถานพยาบาลราชทัณฑ์ เก่งมากที่ตรวจพบโรคทั้ง 4 ด้วยอุปกรณ์หูฟ้งของแพทย์ได้ในเวลารวดเร็ว

อีกทั้ง เล่าว่า ในเรือนจำจะเปิดไฟสว่างตลอด 24 ชม. นอกจากนี้ยังมีไฟฟ้าสำรองไว้พร้อมยามไฟดับ และที่สำคัญมีกล้องวงจรปิดโชว์ภาพละเอียดยิบที่สุด เพราะเจ้าหน้าที่มีจำนวนไม่มาก กล้องวงจรปิดจึงสำคัญกับการควบคุมนักโทษในเรือนจำ ดังนั้น นักโทษเมื่อถูกส่งตัวเข้าพื้นที่เรือนจำพิเศษ ลงจากรถ เดินไปที่ประตู อยู่เรือนพยาบาล มีแพทย์มาตรวจ ถ้าป่วยมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือการใช้ดุลพินิจให้นำตัวไป รพ.ราชทัณฑ์หรือไม่ ซึ่งทุกขั้นตอนมีกล้องเฝ้าบันทึกภาพคมชัดทุกการกระทำไว้

อย่างไรก็ตาม หากนำนักโทษไป รพ.ตำรวจ แสดงว่าอาการที่บันทึกไว้ต้องเห็นภาพที่ป่วยหนักมาก โดยปกติแล้ว แพทย์จะใช้ดุลพินิจส่งไปตรวจต่อ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน แพทย์จะวินิจฉัยว่า ควรจะส่งไปรักษา รพ.ตำรวจหรือไม่ โดยขั้นตอนการรักษานักโทษจึงเป็นไปอย่างนี้ อย่างเสมอภาคทุกคนและทุกอายุ

"แสดงว่า แพทย์ใช้ดุลพินิจในวันนั้น อาการป่วยของอดีตนายกฯ ทักษิณ คงหนักมาก แต่กล้องได้บันทึกภาพคมชัดไว้ทุกอย่าง จึงต้องมีภาพปรากฎ ต้องเห็นการตรวจอาการอย่างขะมักเขม้นชัดเจน เมื่อนำตัวไป รพ.ตำรวจ กล้องจะบันทึกภาพ โชว์เวลาที่ออกจากเรือนจำและถึง รพ.ตำรวจกี่โมงไว้ด้วย"

นายจตุพร ฉายภาพการรักษานักโทษอาการป่วยหนักว่า เมื่อไปถึง รพ.ตำรวจ ต้องนำตัวเข้าห้องไอซียู เพื่อรักษาอย่างฉับพลัน ซึ่งทุกการรักษา จนอาการผู้ป่วยเริ่มดีขึ้นจึงนำตัวไปห้องพักชั้น 14 แม้แอร์ห้องเสีย ต้องใช้พัดลม 2 ตัวระบายอากาศ แต่สิ่งเหล่านี้ต้องถูกกล้องบันทึกไว้หมดเช่นกัน เพราะเป็นนักโทษเด็ดขาด ศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

"ขั้นตอนการดูแล อดีตนายกฯ ทักษิณ ป่วยหนักนี้ ผมหนาวแทนข้าราชการกรมราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ อธิบายถึงสิทธิผู้ต้องขังเป็นความลับ แต่การปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยที่มีอาการทรุดฉับพลัน ภาพต้องมีปรากฎและไม่ได้เป็นความลับเลย เพราะไม่ได้ทำให้คนเสียหาย"

อีกอย่าง นายจตุพร กล่าวว่า การกลับไทยของทักษิณนั้น ถูกทำให้เป็นสาธารณะตั้งแต่ลงเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ปกติต้องใส่กุญแจ เมื่อไม่ใส่ถือเป็นการให้เกียรตินักโทษอดีตนายกฯ ก็ได้ รวมถึงมีประชาชนให้กำลังใจ โดยพฤติกรรมทุกอย่างถูกถ่ายทอดเป็นสาธารณะตั้งแต่ต้น จึงไม่เป็นความลับอะไรกับอาการป่วยที่ทรุดหนักด้วย

นายจตุพร กล่าวว่า ทุกพฤติกรรมของทักษิณที่กลับมาไทย สอดรับกับปฎิบัติการยุทธการฟ้าใสทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามความต้องการและได้รับสนองตอบตามความอยากของทักษิณทุกอย่าง แม้อาจอะลุ่มอล่วยถึงขั้นให้จับมือประชาชนที่มารับ โบกมือแสดงตัวทักทายต่อสาธารณะ แต่คงเป็นการให้เกียรตินักโทษที่เคยเป็นอดีตนายกฯ ก็เป็นได้ ส่วนขั้นตอนการรักษาจากเรือนพยาบาล ไม่ได้ส่งตัวเข้า รพ.ราชทัณฑ์ แล้วนำตัวไป รพ.ตำรวจ ที่ห้องพักรักษามีความเป็นอยู่ยิ่งกว่าไป รพ.เอกชน ด้วยซ้ำ

"นี่คือวิบากกรรม อยากจะได้ใช่หรือไม่ ก็จัดให้ (นักโทษ) ได้ แต่กระแสสังคมจะยอมหรือไม่ เพราะโดยทั่วไปแล้วสังคมเห็นร่องรอยความผิดปกตือย่างรุนแรงอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อความสบายใจของสังคม คนเจ็บไข้ได้ป่วยจึงไม่มีความลับอะไรในการรักษา ก็เปิดเผยเสียว่า วันนั้นรายงานตัวนักโทษที่ศาลฎีกา ออกมาเข้าเรือนจำ ตอนป่วยมีอาการอย่างไรก่อนนำไป รพ.ตำรวจ ใครเข้าออกมาพบ ตัวนักโทษก็อยู่โรงพยาบาลตลอด ก็นำภาพแต่ละตอนมาฉายแถลงเปิดเผยเสียที”

นายจตุพร กล่าวว่า ความเป็นนักโทษของทักษิณเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงต้องมีการบันทึกภาพไว้ทุกเรื่องราว ยิ่งเป็นคนสำคัญภาพจะหายจากจอกล้องวงจรปิดไม่ได้เลย หากผิดพลาดจะเป็นเรื่องใหญ่มาก ดังนั้น ทั้งกรมราชทัณฑ์และนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ) กลัวทั้งสองท่านจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ส่วนตัวต้องเห็นใจ เพราะความจริงย่อมมีหนึ่งเดียวเท่านั้น

"ป่วยหนักเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าป่วยจริงไม่มีใครขัดข้องกับการรักษาอย่างพิเศษ ไม่มีใครถือสาหรอก ถ้าไม่ใช่จะเป็นปัญหาใหม่เลย เพราะถัดจากนี้ไปกระแสตรวจสอบจะรุนแรง จะหนัก จะกลายเป็นทุกขลาภ และท้ายที่สุดจะถูกแรงบีบของสังคม ข้อเท็จจริงจะพาไปติดคุกกันจริงๆ แล้วจะทำใจทำผิดกันไม่ได้ ซึ่งจะไปกันใหญ่"

นายจตุพร ยกตัวอย่างว่า คนที่เป็นอดีตนักการเมือง ทั้ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เคยเป็นเลขาธิการนายกฯ เป็นรองนายกฯ มาแล้ว ยังติดคุกในวัย 83 ปี อยู่ในแดนหนึ่ง ถูกควบคุมตัวเหมือนนักโทษคนอื่น ๆ ทั่วไป แม้สุขภาพดี มีความจำไม่ค่อยครบถ้วนบ้าง แต่สะดวกใจที่อยู่ในเรือนจำ ไม่ไปอยู่ในสถานพยาบาลเรือนจำเหมือนคนอื่น

นอกจากนี้ ยังมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ นายปลอดประสพ สุรัสวลี ซึ่งล้วนเป็นอดีต รมต. และผู้ใต้บังคับบัญชาของทักษิณ มาก่อน คนเหล่านี้เมื่อติดคุกก็ได้รับการปฏิบัติอย่างเดียวกัน และได้รับแจกผ้าห่ม 3 ผืนเหมือนกันมาหนุนนอนร่วมห้องขังบนพื้นปูกระเบื้อง

"พล.ต.จำลอง เป็นคนพาทักษิณ มาสู่การเมือง เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม จนเป็น รมต.ต่างประเทศ เมื่อตัวเองติดคุกก็ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ต้องใช้ชีวิตเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำ แต่วันนี้อะไรก็ตามที่ทำแล้วไม่ถูกต้องจะหนักกว่าสุดซอย (กม.นิรโทษกรรมในคดีการเมือง) ความลับไม่มีในโลก ถ้าคนไทยไปเห็นอะไรเข้า และกล้องวงจรปิดทั้ง รพ.ตำรวจกับเรือนจำ คงไม่เสียพร้อมกันละมั้ง ซึ่งจะเป็นภาพแสดงความจริงมัดไว้หมด แล้วจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที"

ประเทศไทยต้องมาก่อน