นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง พิจารณาคดีที่มีผู้ร้องว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าว และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ซึ่งศาลให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน ว่า หลังครบกำหนดระยะเวลา 15 วัน ที่ศาลให้ส่งเอกสารประกอบนั้น ล่าสุดทางพรรคก้าวไกลได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน โดยให้เหตุผลว่าเอกสารมาก ต้องใช้เวลาในการรวบรวม โดยศาลฯ อนุญาต ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเป็นการปฏิบัติแบบเดียวกับทุกคดีที่ขอขยายเวลา ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
ทั้งนี้ กฎหมายไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่าให้ขยายเวลาได้กี่ครั้ง ส่วนถามว่าแค่ไหนถึงจะถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมนั้น หากหลายครั้งเกินไป ศาลก็จะดูว่ามีเจตนาดึงเรื่องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาคดีทุกคดีของศาลไม่ได้ทำตามกระแสสังคม
ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวเพิ่มเติมว่า การร้องว่าบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ตามบทบัญญัติมาตรา 49 บุคคลจะใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขไม่ได้นั้น ถ้าศาลฟังว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ศาลก็จะสั่งให้หยุดการกระทำ แต่ไม่มีกรณีการยุบพรรค เพราะในคำร้องก็ไม่มีเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ถึงมีคำร้องเราก็ไม่สามารถสั่งได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องพิจารณาว่าผิดหรือไม่ผิด ถ้าเห็นว่าผิดก็ค่อยส่งมา ถ้าเห็นว่าไม่ผิดก็ยกไป