วันนี้ (10 ส.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีหมายเลขแดงที่ ล.4123/2566 ศาลล้มละลายกลาง กองบังคับคดีล้มละลาย 1 กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ประกาศฉบับดังกล่าว ระบุว่า ด้วย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ลูกหนี้ทั้งสามล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนางบุญเลิศ ธรรมสาร ลูกหนี้ที่ 1, นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมสาร ลูกหนี้ที่ 2 และนายพรเจริญ ธรรมสารลูกหนี้ที่ 3 เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว
ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลได้มีคําสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอํานาจจัดการเกี่ยวกับ กิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 และบุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้ หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ทราบคําสั่ง ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 24/1 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา 24/1 แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท ตามมาตรา 173/1 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชําระหนี้ในคดีนี้ จะเป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคําขอรับชําระหนี้ต่อ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ฝ่ายคําคู่ความ สํานักงานเลขานุการกรม กรมบังคับคดี หรือสํานักงานบังคับคดี ซึ่งลูกหนี้มีภูมิลําเนาอยู่ ภายในกําหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่โฆษณาคําสั่งนี้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กําหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 10 สิงหาคม 2566
ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา https://ratchakitcha.soc.go.th
ประกาศฉบับดังกล่าว ระบุว่า ด้วย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้ลูกหนี้ทั้งสามล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนางบุญเลิศ ธรรมสาร ลูกหนี้ที่ 1, นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมสาร ลูกหนี้ที่ 2 และนายพรเจริญ ธรรมสารลูกหนี้ที่ 3 เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว
ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลได้มีคําสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอํานาจจัดการเกี่ยวกับ กิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 และบุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้ หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ทราบคําสั่ง ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 24/1 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา 24/1 แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท ตามมาตรา 173/1 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483
อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชําระหนี้ในคดีนี้ จะเป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคําขอรับชําระหนี้ต่อ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ฝ่ายคําคู่ความ สํานักงานเลขานุการกรม กรมบังคับคดี หรือสํานักงานบังคับคดี ซึ่งลูกหนี้มีภูมิลําเนาอยู่ ภายในกําหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่โฆษณาคําสั่งนี้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กําหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 10 สิงหาคม 2566
ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา https://ratchakitcha.soc.go.th