น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่สหภาพยุโรป (อียู) ออกกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (Deforestation-free products Regulation : EUDR) หรือ Regulation (EU) 2023/1115 กำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าเกษตร 7 กลุ่ม ได้แก่ โค โกโก้ กาแฟ น้ำมันปาล์ม ยางพารา ถั่วเหลือง และไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ จะต้องลงทะเบียนในระบบฐานข้อมูลและแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวกับการผลิต เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับ และวิเคราะห์ข้อมูลผ่านระบบภาพถ่ายจากดาวเทียมว่าสินค้านั้นผลิตบนพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่า (Deforestation) หรือทำให้ป่าเสื่อมโทรม (Degradation) หรือไม่ เพื่อลดการทำลายพื้นที่ป่าของโลก และลดการนำเข้าสินค้าที่มีความเสี่ยงในการทำลายป่าเข้ามาใน EU
ทั้งนี้ เกษตรกรและผู้ส่งออกที่เกี่ยวข้อง จะมีเวลาเตรียมการ (transitional period) ก่อนที่มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง เล็ก และย่อม (MSME) ที่จัดตั้งขึ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 จะมีเวลาเตรียมการ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ก่อนที่มาตรการจะมีผลใช้บังคับ โดยคาดว่า EU จะออกมาตรการลำดับรองเพื่อให้มาตรการบังคับใช้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ บทลงโทษ การจัดทำระบบฐานข้อมูล และการจัดกลุ่มประเทศตามระดับความเสี่ยงในการตัดไม้ทำลายป่า
ทั้งนี้ เกษตรกรและผู้ส่งออกที่เกี่ยวข้อง จะมีเวลาเตรียมการ (transitional period) ก่อนที่มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง เล็ก และย่อม (MSME) ที่จัดตั้งขึ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 จะมีเวลาเตรียมการ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ก่อนที่มาตรการจะมีผลใช้บังคับ โดยคาดว่า EU จะออกมาตรการลำดับรองเพื่อให้มาตรการบังคับใช้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ บทลงโทษ การจัดทำระบบฐานข้อมูล และการจัดกลุ่มประเทศตามระดับความเสี่ยงในการตัดไม้ทำลายป่า