นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "อยาก?" ระบุถึงความอยากเป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยที่สอดประสานกับความต้องการกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร จึงกำหนดแผนการโสมมให้วันกลับบ้านให้คาบเกี่ยวกับวันโหวตนายกฯ เพื่อลวงล่อเกณฑ์มวลชนมาต้อนรับที่สนามบินดอนเมือง แล้วยังกลบพลังประชาชนไม่พอใจและต่อต้านการตระบัดสัตย์บนถนนด้วย
นายจตุพร กล่าวว่า อยู่ดีๆ พรรคเพื่อไทยแสดงพฤติกรรมเปิดประเด็นข้ามขั้ว ซึ่งประชาชนที่เลือกเพื่อไทยก็ตกใจการกระทำชนิดคาดไม่ถึง พร้อมกับจู่ๆ ปรากฎข่าวทักษิณ ชินวัตร จะกลับบ้านแพร่ลามไปทุกสื่อสาร แสดงถึงการสอดคล้องของแผนการที่ออกแบบเอาไว้ อย่างไรก็ตาม หากวันใดเพื่อไทยย้ายขั้วตระบัดสัตย์จะได้เห็นว่า นรกมีอยู่จริง
นอกจากนี้ ระบุว่า ตลอด 17 ปีผ่านมา ทักษิณ ประกาศโกหกเรื่องการกลับบ้านได้ 100% โดยไม่เคยเกิดขึ้นาเป็นจริงเลยร่วม 20 ครั้งที่ได้ประกาศไว้ มาครั้งนี้อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวรีบแจ้งกำหนดวันทักษิณ จะกลับวันที่ 10 ส.ค. นี้ มาลงเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ดังนั้น จึงต้องฟังหูไว้หูก่อนจะเชื่อเป็นความจริง
"การตระบัดสัตย์และโกหกเรื่องการกลับบ้านที่ไม่เคยเป็นจริงนั้น คนไม่รู้สึกเดือดร้อนด้วยเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่การตระบัดสัตย์ข้ามขั้วเพื่อเป็นนายกฯ จะเกิดความเสียหายกับประเทศชาติ เนื่องจากไม่มีเกียรติ ไม่รักษาคำพูด จึงไม่มีความสง่างาม"
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ต้องยึดมั่นทำตามคำประกาศ แต่ถ้ากลับใจไปจับมือกัน จึงเป็นการใช้วิธีลวงล่อให้ได้คะแนนเสียงก็ต้องรู้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน อีกอย่างการประกาศกลับบ้านของทักษิณ จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องตระบัดสัตย์คงไม่ได้เลย
"จากนี้ไปจนถึงวันที่ 10 ส.ค. (วันที่ทักษิณ ประกาศกลับบ้าน) ถ้ามีการข้ามขั้วเกิดขึ้นในแบบใดก็ตาม แม้อาจเป็นแบบให้อีกพรรคเป็นผู้จัดการรัฐบาล แล้วชวนเพื่อไทยข้ามขั้วมาเป็นนายกฯ มันช่างคิดกันง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะคิดมุมไหน มันก็คือการตระบัดสัตย์ทั้งสิ้น ซึ่งไม่แตกต่างจากการเสียสัตย์เพื่อชาติจนเกิดพฤษภาทมิฬปี 2535"
นายจตุพร กล่าวว่า ที่สำคัญคือประเทศกำลังจะได้นายกฯ ที่หนีคำพิพากษาของศาลมายาวนานจนคดีไม่มีอายุความ กำลังเดินทางกลับมาประเทศไทย ดุจเดียวกับจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ ช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 หนีไปประเทศสิงคโปร์ แล้วอาศัยบวชเณรห่มเหลืองกลับไทย
อีกทั้งกล่าวว่า เมื่อทักษิณ กลับมา แม้ไม่ได้บวชเณรก็ตาม แต่อารมณ์ประชาชนจะคุกรุ่นไม่พอใจกับการตระบัตสัตย์ย่อมทนไม่ได้และจะออกมาเต็มถนน หากเกิดการเผชิญหน้ากับฝ่ายไม่เอาแก้ไข ม.112 ถึงขั้นปะทะกันขึ้น ดังนั้น สภาพเช่นนี้ย่อมไม่แตกต่างเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนเกิดการฆ่ากันโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณ เคยบอกต้องการกลับบ้านอย่างเท่ๆ แต่วันนี้ประกาศกลับบ้านในสภาพพรรคจะตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ดังนั้น ประชาชนที่บูชาทักษิณ ดุจเป็นเทพเจ้านั้น มาในวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป ความรักที่เคยให้จึงถูกหารไปเป็นด้อมส้มบางส่วน แต่ความชังจากฝ่ายตรงข้ามยังคงมีอยู่ตามเดิม
"การกลับมา พร้อมกับประโคมให้คนไปรับที่สนามดอนเมือง ประชาชนที่ชิงชังการข้ามขั้ว ไม่พอใจการตระบัดสัตย์ก็จะออกมาเต็มถนนเช่นกัน อาจส่งผลลัพธ์ให้ฝ่ายเชียร์กับซีกมารอรับเดือดระอุถึงกับพวกใจร้อนยกกำลังเข้าห้ำหั่นกันได้"
อีกทั้ง มั่นใจว่า เพื่อไทยต้องมีการจัดคนมารอต้อนรับแน่นอน เพราะต้องการใช้กำลังมวลชนมาแบ่งเฉลี่ยกลบข่าวและแรงต่อต้านการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ซึ่งเป็นกลยุทธการตลาดการเมืองตื้นๆ แต่อาจสังเวยด้วยชีวิตประชาชน โดยการประกาศกลับบ้านในห้วงเวลานี้แสดงถึงเจตนาการออกแบบแผนการให้เกี่ยวข้องกับการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งอาจจะคาบเกี่ยวและมีขึ้นในวันที่ 10 ส.ค.ก็ได้เช่นกัน เพราะทุกอย่างลงล็อกในห้วงเวลาเดียวกันพอดี
นายจตุพร ประเมินว่า ในวันที่ทักษิณ กลับบ้านและมีคนมาต้อนรับที่สนามบินดอนเมือง ขณะที่รัฐสภากำลังโหวตนายกฯ ข้ามขั้วกัน สิ่งที่น่ากังวลคือ ใครจะควบคุมการต่อต้านที่อยู่บนถนนกันไหว ซึ่งน่ากลัวเหตุรุนแรงจะปะทะขึ้นถึงขั้นเลือดตกยางออก อย่างไรก็ตาม คนไม่ได้กลัวว่า ทักษิณ กลับมาแล้วต้องติดคุก แต่ไม่พอใจการหลอกลวง ลืมสัจจะวาจาที่เคยประกาศไว้ ดังนั้น ประเทศควรเลิกและจบเรื่องทักษิณ กลับบ้านได้กันสักที
"ครั้งนี้ประกาศจะกลับมา ถ้าไม่กลับก็ไม่ใช่คนแล้ว อีกทั้งจะคิดวางแผนอย่างไรก็ตาม แม้บ้านเมืองจะฉิบหายก็ให้เป็นไป แต่ถ้าประกาศแล้วไม่กลับ ผมจะเรียกร้องให้ไปหาจิตแพทย์กันแล้ว เป็นอะไรมากหรือเปล่า"
พร้อมทั้งย้ำว่า ในเชิงตัวเลขการโหวตนายกฯ ข้ามขั้วต้องผ่านที่ 376 เสียง ซึ่งเพื่อไทยและทักษิณมั่นใจจะได้รับ แต่ในการคิดแบบคนหลงความฉลาดของตัวเองที่กำหนดแผนการไว้ อาจขาดความชอบธรรมไปจนทำให้อยู่ไม่ได้ โดยบทเรียนทักษิณ เคยได้รับเสียงสนับสนุนถึง 377 เสียงมาแล้วในยุดพรรคไทยรักไทยก็ยังอยู่ไม่ได้ และแพ้มาตลอด รวมทั้งพาประเทศและประชานไปแพ้ทุกครั้งตลอดมา
"เมื่อถือว่าคิดดีกันแล้ว ก็ควรตัดสินใจให้เด็ดขาดให้มากันตามเวลา รัฐสภาจะโหวตนายกฯวันที่ 10 ส.ค.ก็เอา ให้เป็นวันข้ามขั้วแห่งชาติในวันเดียวกัน เป็นวันตระบัดสัตย์แห่งชาติ สนามบินดอนเมืองก็รอรับคนมาแสดงเจตนารมย์กันในวันนั้น"
นายจตุพร กล่าวว่า ตนพยายามจะบอกว่า การคิดว่าฉลาดเหนือคนอื่น ด้วยการวางแผนโหวตข้ามขั้วในวันที่ 10 ส.ค.ตรงกับการประกาศกลับบ้าน เป็นสูตรที่อำมหิต โหดเหี้ยมกับประชาชนและประเทศสูงมาก ดังนั้น ประชาชนจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะประเทศชาติเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องบุคคลที่มีมาแล้วก็จากไป
รวมทั้งย้ำว่า ระยะเวลาใน 2 สัปดาห์นี้เป็นห้วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นและมีผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็ตาม แต่ใครกระทำการใดให้เกิดขึ้น ต้องรับผิดชอบไปชั่วกัปชั่วกัลป์ อีกทั้งต้องการผลได้เท่าไรก็ต้องยอมรับผลเสียที่มันจะตามมาจากการคิดออกแบบแผนที่โหดร้ายเช่นนี้
"ขอประชาชนมีสติในสถานการณ์ที่เขาคิดวางแผนกันในห้วงเวลาการเผชิญหน้าในวันตระบัดสิตย์ข้ามขั้ว เมื่อมาถึงขั้นนี้ พวกเขาแบ่งรัฐมนตรีกันเรียบร้อยแล้ว กำลังอยู่ระหว่างแค่คิดวิธีการจะเลี่ยงสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างไร จึงกลายเป็นวันประกาศกลับบ้านมาลงล็อก 10 ส.ค. ซึ่งเป็นโหวตนายกฯ และเป็นแผนที่โสมมที่สุด"
ประเทศไทยต้องมาก่อน