นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า“ศักดิ์ศรีของเมียหลวง
หนุ่มเพื่อไทย กับ สาวก้าวไกล ที่จดทะเบียนสมรส จัดงานแต่งงานกันใหญ่โตต่อหน้าประชาชน
ต้องถือว่าเป็น “คู่สมรส” ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะสักขีพยานมากันมากมาย
แต่ดันอยู่กินกันไม่ได้ เพราะบุคคลที่ 3 มายุยงให้แตกแยก
โดย “ลุง ส.ว.” ถึงขนาดจะจับคู่ใหม่ให้หนุ่มเพื่อไทย แล้วทอดทิ้งสาวก้าวไกล
ทั้งๆ ที่ลุง ส.ว. ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวมาอยู่กินด้วยกัน มีหน้าที่แค่ถือกุญแจเข้าบ้าน
แต่ทำตัวเป็นเจ้าของบ้าน เป็น “บ่างช่างยุ” กำหนดทิศทางครอบครัวของผัวหนุ่มเมียสาวให้แตกแยกต่างคนต่างเดิน ไล่สาวก้าวไกลไปเสียอย่างนั้น
บีบให้เอ่ยคำว่า “เสียสละ” ยอมเป็นคนเดินก้าวออกจากบ้านไปคนเดียว
ท่ามกลางแขกเหรื่อเสีย “เงินใส่ซอง” อวยพรในวันแต่งงานให้อยู่กินกันดั่ง “ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร”
ที่ไหนได้หม้อข้าวยังไม่ทันดำ หนุ่มเพื่อไทยทำท่ากระมิดกระเมี้ยน ในใจกระดี๊กระด๊าเหมือน “ปลากระดี่ได้น้ำ”
หันไปหา “อีหนู” ทั้งที่แต่ก่อนรับปากกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทำท่าทางรักไม่มีวันเปลี่ยนใจจากสาวก้าวไกล
ที่แท้แสร้งทำเอาใจชาวบ้าน เข้าทำนองกลอนพาไป
แค่ไม่ถึงเดือนก็ใจโลเล กลับหลังหันไปหลงคนใหม่ได้ถึงเพียงนี้
ก่อนหน้าจัดงานแต่ง ก็เอ่ยปากให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้ยินเต็มหูว่า จะไม่มีทางปันใจไปให้สาวอื่น ถึงขนาดบอกว่า “เอาคอเป็นประกัน”
ตอนนี้เริ่มออกอาการลับหลัง หันไปหลงระเริงสาวสูงวัยมากบารมี หลังจากตกอับอยู่นานหลายปี
ถือโอกาสเอา “สินสอดทองหมั้น” ไปแบ่งปันกับสาวใหม่สบายใจเฉิบ ปล่อยให้เมียหลวงเก็บกระเป๋าเดินตัวเปล่าออกจากบ้านไปหน้าตาเฉย
ใจคอผู้ชายแบบนี้ทำด้วยอะไร?
เคยเห็นแต่ในละคร เพิ่งจะได้มาเห็นในชีวิตจริง
ชาวบ้านพากันหาทางออกให้สาวก้าวไกล
ต้องอดทน และอย่าได้ยอมออกจากบ้าน
“ชั้นจะอยู่ของชั้นอย่างนี้ไม่ไปไหน หากเธออยากให้ชั้นไป ก็เอ่ยปากออกมาต่อหน้าประชาชนว่าต้องการให้ชั้นไปเอง”
สักขีพยานจะได้เห็นว่า หนุ่มเพื่อไทยต่อหน้าอย่าง ลับหลังจิตใจแปรปรวนเชื่อใจไม่ได้ หวังจ้องแต่จะได้สมบัติพัสฐาน
ถึงขนาดจะเอาไปแบ่งเชิดชูให้เมียน้อยออกหน้าออกตา ทิ้งเมียหลวงไปเสวยสุข
ศักดิ์ศรีเมียหลวงต้องมี จะเดินออกจากบ้านเพราะถูกผัวทิ้งก็ต้องประกาศให้ผู้ใหญ่รับรู้
ฝ่ายชายเพื่อไทยต้องกล้าพูดออกมาจากปากเอง ไม่ใช่ไปใช้คนอื่น หรืออ้างโน่นอ้างนี่ว่าถึงทางตงทางตัน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันเลย
ไหนว่า “จะรักกันตลอดไป” หากออกจากบ้านก็ต้องไปผจญเวรกรรมด้วยกัน
ไม่ใช่ให้ฝ่ายหญิงเสียสละไปเอง แล้วตัวเองรอเอาเมียใหม่เข้าบ้าน
ของอย่างนี้คนไทยถือว่า ลูกผู้ชายไม่ทำกัน”