กรณีมีผู้ยื่นร้องขอให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำนักงานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล มีชื่อถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) หรือไม่นั้น ได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่างๆ และมีการประสานข้อมูลกับคณะกรรมการไต่สวนนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัคร ตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น
มีรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สรุปข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ข้อกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเสนอที่ประชุม กกต. พิจารณาในการประชุมวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) และคาดว่า ที่ประชุม กกต.จะมีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้สำนักงานดำเนินการทันที
ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ที่ กกต.มีมติตั้งขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน หลังมีการยื่นคำร้องใหม่ของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ที่ขอให้ กกต. ดำเนินการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 และคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา นำโดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ก็ได้มีการนำหลักฐานเกี่ยวกับการถือหุ้นไอทีวี ของนายพิธา มามอบให้กับ กกต. เพื่อหวังให้ กกต. ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เร็วขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ระบุว่า การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ของ กกต. จะเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อ กกต. เห็นว่ามีข้อมูลเพียงพอสามารถมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ โดยก่อนมีมติจะเชิญหรือไม่เชิญ นายพิธา ผู้ถูกกล่าวหา มาชี้แจงต่อ กกต. ก่อนหรือไม่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม หาก กกต.มีมติและเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ที่ปกติจะมีการประชุมประจำสัปดาห์ในวันพุธ ซึ่งสัปดาห์นี้จะตรงกับวันที่ 12 กรกฎาคม และหากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย และมีคำสั่งให้ นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ย่อมมีผลต่อการโหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดประชุมรัฐสภา ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้
มีรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สรุปข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ข้อกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเสนอที่ประชุม กกต. พิจารณาในการประชุมวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) และคาดว่า ที่ประชุม กกต.จะมีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้สำนักงานดำเนินการทันที
ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ที่ กกต.มีมติตั้งขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน หลังมีการยื่นคำร้องใหม่ของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ที่ขอให้ กกต. ดำเนินการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 และคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา นำโดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ก็ได้มีการนำหลักฐานเกี่ยวกับการถือหุ้นไอทีวี ของนายพิธา มามอบให้กับ กกต. เพื่อหวังให้ กกต. ยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เร็วขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ระบุว่า การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ของ กกต. จะเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อ กกต. เห็นว่ามีข้อมูลเพียงพอสามารถมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ โดยก่อนมีมติจะเชิญหรือไม่เชิญ นายพิธา ผู้ถูกกล่าวหา มาชี้แจงต่อ กกต. ก่อนหรือไม่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม หาก กกต.มีมติและเสนอเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ที่ปกติจะมีการประชุมประจำสัปดาห์ในวันพุธ ซึ่งสัปดาห์นี้จะตรงกับวันที่ 12 กรกฎาคม และหากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย และมีคำสั่งให้ นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ย่อมมีผลต่อการโหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดประชุมรัฐสภา ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้