นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องในระบบการโอนเงินต่างธนาคารผ่านช่องทาง Mobile Banking และ Internet Banking เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า เป็นความผิดปกติของฮาร์ดแวร์ ซึ่งมี 1 ใน 3 อุปกรณ์เกิดการชำรุดตามกลไก จึงต้องใช้งานอีก 2 อุปกรณ์ที่เหลือแทน ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวมีปริมาณการโอนสูง จึงเกิดการสะดุด แต่ในภาพรวมระบบไม่ได้ล่ม เพียงแต่ระบบมีปัญหาทำให้เกิดสภาพเหมือนระบบล่ม อย่างไรก็ดี Capacity ของทั้งระบบอยู่ที่ 10,000 Transection/วินาที ค่าเฉลี่ย Peak time อยู่ที่ 3,000 กว่า Transection/วินาที ดังนั้น ความจุของระบบไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่การจูนทั้ง 3 ช่องทางให้สามารถรองรับได้มากขึ้นในช่วงเวลาที่มีการใช้งานปริมาณมาก
ประธานสมาคมธนาคารไทย มองว่า อาจต้องมีการพิจารณาแยกธุรกรรมที่จำเป็นพื้นฐาน กับธุรกรรมที่เกิดจากกิจกรรมพิเศษ หรือเทศกาลออกจากกัน เช่น มีการทำธุรกรรมจำนวนมากในช่วงประกาศผลสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น เพื่อให้การทำธุรกรรมพื้นฐานสามารถใช้ได้ก่อน หากจะแยกระบบระหว่างธุรกรรมพื้นฐาน กับธุรกรรมพิเศษ จำเป็นต้องเพิ่มต้นทุน เนื่องจากการทำธุรกรรมที่มีปัญหาคือการโอนเงินข้ามธนาคารพาณิชย์ แต่การเพิ่มอีกระบบนั้น ระบบใหม่ก็จะพบปัญหาเช่นเดียวกัน ส่วนการแยกระบบจะนำไปสู่การเพิ่มค่าธรรมเนียมหรือไม่ ต้องพิจารณาเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
นายผยง กล่าวว่า ธปท. และบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยตัวปัญหาไม่ได้ซับซ้อน แต่ขึ้นอยู่กับแนวทางการแก้ปัญหา ผลดี ผลเสีย และต้นทุน