นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย และคณะทำงานนโยบายกีฬา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีทีมฟุตบอลไทยลีกจะแยกตัวขอบริหารจัดการเองว่า การตัดสินใจของสมาคมฟุตบอลฯ และบริษัทไทยลีกฯ แม้เป็นกิจการภายในแต่ผลการตัดสินใจจะกระทบถึงหลายภาคส่วน ทั้งนักฟุตบอล ผู้เกี่ยวข้องรวมถึงเยาวชนและคนไทยที่รักกีฬา ที่อยากเห็นความก้าวหน้าของลีกบอลอาชีพ จึงขอให้สมาคมฟุตบอลตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอม รัดกุม โดยพรรคเพื่อไทยขอเสนอความเห็นต่อข่าวสารของสมาคมฟุตบอลฯ ดังนี้
1. ความพยายามในการแยกลีก T1 ออกจากการบริหารของสมาคมฟุตบอล ในประเด็นนี้ทางสมาคมไม่เคยมีแนวคิด หรือแผนงานใดๆ เรื่องแยกลีก T1 ออกจากสมาคมมาก่อน การตัดสินใจของสโมสรสมาชิกครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนเปิดลีกเพียง 40 วัน และอยู่ในช่วงที่นายกสมาคมฟุตบอลใกล้จะหมดวาระ
2. การแยกลีกออกจากการบริหารของสมาคมฟุตบอลเป็นแนวทางที่ทำกันในหลายประเทศที่ลีกอาชีพประสบความสำเร็จ แต่ด้วยการตัดสินใจที่กระชั้นชิด ไม่มีข้อมูลสนับสนุนเพียงพอและการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อลีกรองอื่นๆ ด้วย สมาคมฟุตบอลจึงควรเป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกในปีที่จะถึงนี้ให้ลุล่วงไปก่อน
3. สมาคมฟุตบอลฯ ควรทบทวนสาเหตุความล้มเหลว เพื่อเป็นบทเรียนการตัดสินใจสำหรับความเปลี่ยนแปลง โดยควรให้ความสำคัญในการพัฒนา T2 , T3 เพื่อเป็นเวทีให้กับการพัฒนาเยาวชนและรากฐานของฟุตบอลไทย โดยเป็นหน้าที่นายกสมาคมและสภากรรมการชุดใหม่ นำเสนอเป็นนโยบายต่อสมาชิกในการเลือกตั้งสมาคมฯ ที่จะมาถึง
4. ประเด็นเรื่องประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดเอกชนได้ลิขสิทธิ์ยื่นเสนอราคาต่ำ ยังเชื่อมั่นว่าไทยลีกยังมีมูลค่าในทางการตลาดสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2566 นี้ การได้ตัว ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับมาด้วยค่าตัว 70 ล้านบาท จะยิ่งเพิ่มกระแสความนิยมในฟุตบอลลีกของไทยเพิ่มขึ้น
5. สมาคมฟุตบอลยังคงมีทางเลือกและวิธีการอีกหลายรูปแบบในการหาผู้สนับสนุนที่จะให้เงินสนับสนุนที่เหมาะสม และเชื่อมั่นว่าจะมีเอกชนที่เห็นถึงความคุ้มค่าในการลงทุน ที่นอกจากเหตุผลทางธุรกิจแล้ว ยังมีเหตุผลทางด้านสังคม เพื่อประโยชน์ของเยาวชน และคนในชาติที่จะได้ดูกีฬาต่อไป