นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ทำไมผู้ว่า กทม. ถึงไม่ยอมอนุญาตให้คณะฮาเลย์ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงจัดแปรอักษรเทิดพระเกียรติองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑๐ ทำไม ทำไม
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๖
กองเลขาชมรมมอเตอร์ไซค์ฮาเลย์โทรมาโอดครวญว่า เขาได้ทำเรื่องขออนุญาตใช้พื้นที่สนามหลวง เพื่อจัดงานแปรอักษรเทิดพระเกียรติในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๖
โดยทำหนังสือขออนุญาตจากสำนักพระราชวังแล้ว ซึ่งทางสำนักพระราชวังก็แจ้งว่า เขาไม่ขัดข้องหาก กทม. อนุญาต เพราะ กทม. เป็นผู้ดูแลตามกฎหมาย
กองเลขาชมรมมอเตอร์ไซค์ฮาเลย์ก็พยายามติดต่อขออนุญาตจากผู้ว่าชัชชาติ จนเวลาล่วงเลยผ่านไป ๒ อาทิตย์
กองเลขาก็เข้าไปเร่งรัดหนังสือขออนุญาต ด้วยความร้อนใจ แต่สิ่งที่ได้รับคือคำตอบว่า
ไม่อนุญาตด้วยข้ออ้างว่า เพราะว่ากลัวอีกฝ่ายจะมาขอบ้างจะเป็นปัญหา จึงปัดเรื่องให้ไปขออนุญาตจากปลัด กทม.
พอมาถึงปลัด กทม. ก็ใช้วิธีเดิมปัดไปให้ ผอ.เขต
ผอ.เขต ก็รวบยอดด้วยการแจ้งว่า ขนาดผู้ว่าและปลัด กทม. เขายังไม่อนุญาต ตนเองก็คงอนุญาตให้ใช้ท้องสนามหลวงเป็นที่จัดงานเถิดพระเกียรติไม่ได้
กองเลขาจึงต้องดิ้นรน ขวนขวายไปหาสถานที่จัดงานให้ได้ เพราะท่านประธานฮาเลย์ได้ประกาศระดมพลพรรคคนรักฮาเลย์ทั้งประเทศให้มารวมตัวกันถวายความจงรักภักดีในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑๐
สุดท้ายจึงไปได้ที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง โดยต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่เพื่อจัดงานถวายความจงรักภักดี
นี่แหละคือสิ่งที่ประชาชนคนรักสถาบันกังวลใจมาตลอดว่า หาก กทม. ได้ผู้ว่าสายเลือดส้มเช้งเข้ามา จะเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการจัดงานถวายความจงรักภักดีของภาคประชาชน
ซึ่งตอนนี้มันก็ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ยังจำได้ว่า ในช่วงที่ กทม. ยังมีผู้ว่าชื่อ อัศวิน ขวัญเมือง พวกเราภาคประชาชนได้รวมตัวกันจัดงานเถิดพระเกียรติองค์พ่อหลวง ร.๙ งาน ๕ ธันวามหาราช พวกเราทำหนังสือไปขออนุญาต กทม. โดยท่านผู้ว่าอัศวิน ได้ร่วมแสดงความจงรักภักดีด้วยการให้ กทม. มีส่วนร่วมกับภาคประชาชนจัดงายในการถวายความจงรักภักดีในหลายงานทั้งต่อองค์พ่อหลวง ร.๙ และ ร.๑๐
แต่พอมาถึงยุคผู้ว่าสายเลือดส้มเช้ง
สิ่งที่ประชาชนคนรักสถาบันรับรู้และสัมผัสได้ก็ดังที่สมาคมฮาเลย์เป็นผู้ประสบจนเป็นที่ประจักษ์แก่สังคมในเวลานี้
นี่หละที่เขาเรียกว่า เลือกคนผิดก็ต้องคิดจนตัวตายกันไปข้างหนึ่ง
พุทธะอิสระ