นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol “ ระบุว่า ก่อนเลือกตั้งปั่นกระแสสอยเศรษฐา หลังรู้ผลเลือกตั้ง ปั่นกระแสสอยพิธา แต่ไม่มีใครสอย!!!
1. การสอยนายพิธาผิดแผนมาตั้งแต่ต้นแล้ว
มาถึงวันนี้ คดีเรื่องสอยทั้ง 3 คดี ถูก กกต. ยกคำร้องหมดแล้ว คดียุบพรรค4คดี ถูกนายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งยกคำร้องหมดแล้ว คดีที่นักร้องยื่นคำร้องใหม่ 6 คดีก็ถูกสั่งยกหมดแล้ว คงเหลือคดีตั้งกรรมการไต่สวนคดีอาญาตามมาตรา 151 ซึ่งคงจะยกคำร้องในเร็ววันนี้!!!
2 อาการผิดแผนเกิดจากการเลอะเลือนในข้อกฎหมาย ว่าจะต้องไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ทันที ต่อมาเมื่อตรวจสอบทราบว่าจะต้องไปร้องต่อศาลฎีกา จึงผิดแผนเพราะจะนำคดีขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญได้จะต้องรับรองนายพิธาเป็น ส.ส.ก่อน และเมื่อรับรองเป็น ส.สแล้ว ผู้ที่จะสอยนายพิธาได้ ก็มีอยู่แต่เฉพาะ ส.ส 50 คน เข้าชื่อกันถึงประธานสภาเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ หรือกกต.ทำเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญเอง!!!
ส.ว.ไม่มีอำนาจเข้าชื่อส่งประธานรัฐสภา พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากเป็นคนละรัฐสภากัน สว.คนดังที่ปั่นกระแสเรื่องนี้จึงหน้าแตก
ส่วน ส.ส 50 คนหากจะเข้าชื่อเป็นผู้ร้อง นอกจากเสี่ยงที่จะรับผิดติดคุกตามมาตรา143 แล้ว อาจถูกสอยกลับถูกขอถอดถอน ก็จะเจ๊งทั้งพรรค
ดังนั้นหนทางที่ ส.ส.จะเข้าชื่อจึงไม่น่าเป็นไปได้
ส่วน กกต.นั้น วันนี้ทราบแล้วว่า ฐานข้อหาคือหุ้น itv นั้น ไม่ใช่สื่อ ตามแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครอง และเมื่อถือหุ้นน้อยก็ไม่ขาดคุณสมบัติตามบรรทัดฐานของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ถือแนววินิจฉัยอย่างเดียวกันนี้ ทั้ง กกต.ก็เพิ่งสั่งยกคำร้องแบบนี้มาหลายคดีแล้ว กกต.จะเสี่ยงเป็นผู้ร้องเองหรือ
แล้วใครจะร้องเรื่องนี้ล่ะโยม?
ถ้าฝันว่าจะมีผู้ร้อง ก็ได้แค่สอยเรื่องส.ส.ไม่ตัดสิทธิ์ที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายก และไม่ตัดสิทธิ์การดำรงตำแหน่งนายกด้วย เพราะนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. จึงยักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก ด้วยประการฉะนี้
เมื่อคนแก่แก้ปัญหาความแตกแยกในชาติไม่ได้ จนสภาพสิ้นชาติเห็นชัดขึ้นทุกที และทั่วโลกก็รับรู้แล้วว่าใครชนะเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาล หากถูกเตะตัดขาด้วยเรื่องตลกๆ ก็จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้หนักขึ้นไปอีก ก็อาจมีคนคิดให้คนหนุ่ม-คนสาว รับผิดชอบแก้ปัญหาบ้างจะเป็นไร!!!!